ถ้าคุณมีเงิน 500 บาท จะทำอะไรดี?

ความจริงที่น่าตกใจของบัญชีเงินฝากในประเทศไทยที่มีอยู่กว่า 109.31 ล้านบัญชี พบว่า 32.8% หรือ 12.2 ล้านคนมีเงินในบัญชีไม่เกิน 500 บาท www.ThaiSMEsCenter.com คิดว่าตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงความจริงของสังคมไทยที่รายได้ของคนส่วนใหญ่ลดลงอย่างมาก ยิ่งในยุคCOVID แบบนี้การจะให้คนมียอดเงินฝากเพิ่มขึ้นยิ่งเป็นเรื่องยากมาก

ถ้ามองแบบโลกสวยหลายคนอาจบอกว่าเงิน 500 บาทนำไปลงทุนใช้เงินต่อเงินได้ แต่ในโลกความเป็นจริงการซื้อตราสารหนี้ ลงทุนในกองทุน หรือซื้อหุ้นก็ตาม หากตั้งเป้าว่าอยากได้เงินสัก 20,000 จากการลงทุน 500 บาทนี้ (คิดระยะเวลา 3 เดือน)

จะต้องมีผลตอบแทนการลงทุนในอัตราทบต้นที่ 3,000% ต่อปี และคงไม่มีช่องทางลงทุนไหนที่ให้ผลตอบแทนได้ดีขนาดนี้แน่นอน ดังนั้นถ้าเรามีเงิน 500 บาทถามว่าควรจะเอาไปทำอะไรให้งอกเงยได้บ้าง

1.ไม่ต้องทำอะไรปล่อยเงินติดบัญชีไว้

64

ภาพจาก freepik.com

ถ้ามีเงิน 500 เราก็คงไม่คิดจะถอนออกมาเพราะเงินจำนวนนี้ปัจจุบันคือน้อยมากเมื่อเทียบกับค่าครองชีพในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ถ้ามีเงินเท่านี้เลือกที่จะให้ติดบัญชีไว้จะดีกว่า เพื่อเอาไว้ให้ธนาคารได้หักค่าบัตร ATM หรือค่ารายปีต่างๆ ระหว่างนั้นก็พยายามหาเงินจากการทำงานในรูปแบบอื่นเข้ามาเพิ่มยอดเงินสะสมในบัญชีที่เรามีอยู่

2.ขายแซนวิช

63

ภาพจาก https://bit.ly/3AJf8Ym

ถ้าจำเป็นต้องลงทุนจริงๆ เงิน 500 สามารถเลือกลงทุนทำแซนวิชขายได้ โดยเงิน 500 บาทนำไปลงทุนซื้อขนมปังแผ่น มายองเนส แฮม ปูอัด ไส้กรอก ทูน่า พร้อมกับถุงพลาสติกเพื่อบรรจุแซนวิชขายน่าจะทำแซนวิชในต้นทุนชิ้นละ 20 บาทได้ 25 ชิ้น ขายราคาชิ้นละ 35 บาท กำไรรวมก็จะได้ 200 บาท ก็จะพอมีเงินมากขึ้นเพื่อให้ลงทุนได้มากขึ้นในวันถัดไป

เช่นวันที่ 2 มีต้นทุนมากขึ้นที่ 700 บาท อาจทำแซนวิชได้ 35 ชิ้น กำไรก็จะเพิ่มเป็น 350 บาท เป็นต้น แต่วิธีคิดตามหลักคณิตศาสตร์แบบนี้อาจไม่ใช่ตัวเลขในความเป็นจริง แต่ก็ถือว่าเป็นวิธีสร้างรายได้จากเงิน 500 ที่พอจะเป็นจริงได้

3.สมัครธุรกิจเครือข่าย

62

ภาพจาก freepik.com

การขายตรง หรือธุรกิจแบบMLM สำหรับบางคนอาจมองเป็นทางเลือกสุดท้ายแต่ถ้าคนเข้าใจหลักการทำงาน มีความขยัน และตั้งใจทำจริง ธุรกิจนี้สร้างรายได้แบบไร้ขีดจำกัดให้ผู้ลงทุนได้ไม่ยาก เพียงแต่ในช่วงแรกรายได้อาจไม่ได้ตามเป้าและอาจต้องใช้เวลาในการขายระยะหนึ่ง แต่หากเริ่มอยู่ตัว เริ่มมีทีมงานของตัวเอง การสร้างรายได้ก็จะมากขึ้นด้วย

4.เพาะทานตะวันงอกขาย

61

ภาพจาก https://bit.ly/3jV5Fqd

ในยุคคนรักสุขภาพการขายสินค้าเพื่อสุขภาพก็น่าสนใจ โดยทานตะวันงอกเป็นพืชออร์แกนิคที่มีคุณประโยชน์สูง นำมาทำอาหารได้หลากหลาย และที่สำคัญลงทุนน้อยต้นทุนส่วนใหญ่คือเมล็ดและดินเท่านั้น ส่วนอุปกรณ์อื่นสามารถหาได้ภายในบ้านแล้วนำมาประยุกต์ใช้ปลูกต้นอ่อนทานตะวันได้

โดยเมล็ดทานตะวัน 1 กิโลกรัมสามารถเพาะเป็นต้นอ่อนทานตะวันได้ถึง 2.5-8 กิโลกรัมขึ้นอยู่กับพันธุ์และการเลี้ยงดู ซึ่งเมล็ดทานตะวัน 1 กิโลกรัมจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 150-250 บาท โดยราคาตามท้องตลาดในตอนนี้ ต้นอ่อนทานตะวันที่ 1 ขีด จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 15-30 บาท และเมื่อคิดเป็น 1 กิโลกรัมแล้ว ก็จะสามารถทำเงินให้เราได้ถึง 150-300 บาท ซึ่งรายได้ก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การขายของเราเองด้วย

5.รับทำอาหารขายแบบเดลิเวอรี่

60

ภาพจาก freepik.com

ยุคนี้ที่คนส่วนใหญ่ต้องอยู่บ้าน ต้องทำงานแบบ WFH มากขึ้น การขายอาหารแบบเดลิเวอรี่ก็น่าสนใจ ถ้าเรามีเงินทุน 500 บาท สามารถสร้างธุรกิจนี้ได้ โดยเราต้องทำให้คนรู้จักว่าเราคือใคร จะทำอะไร และมีเมนูอะไรให้เขาเลือก

ซึ่งอุปกรณ์ทำครัวส่วนใหญ่เรามี เงิน 500 ก็อาจใช้เป็นต้นทุนวัตถุดิบเช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ เป็นต้น ทำเมนูง่ายๆ ครั้งแรกขายในจำนวนน้อยๆ พอมีลูกค้ามากขึ้น ก็อาจเพิ่มวัตถุดิบมากขึ้น ที่สำคัญเราต้องจัดส่งเองหรือมีคนในครอบครัวช่วยในการจัดส่ง และควรมีทำเลในย่านชุมชน หรือในอพาร์เม้นต่างๆ เป็นต้น

6.ทำน้ำสมุนไพรขาย

59

ภาพจาก freepik.com

ปัจจุบันคนสนใจน้ำสมุนไพรเยอะมาก เช่นน้ำขิง น้ำตะไคร้ น้ำกระชาย เป็นต้น ถ้าเรามีเงินทุน 500 บาทก็พอจะทำน้ำสมุนไพรง่ายๆ ขายได้ วัตถุดิบบางอย่างราคาไม่แพง ยกตัวอย่าง น้ำมะตูมที่มีวัตถุดิบสำคัญคือ มะตูมแห้ง น้ำ และน้ำตาล โดยมะตูมแห้งราคาประมาณ 50 บาท (500 กรัม) น้ำตาลทรายกิโลกรัมละประมาณ 23 บาท ขวด 290 บาท (150 ใบ) บวกต้นทุนอื่นๆโดยรวมเช่นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊ส และจิปาถะ ต้นทุนเบ็ดเสร็จประมาณ 115 บาท ทำน้ำมะตูมได้ 16 ขวด เฉลี่ยต้นทุนขวดละ 7.20 บาท ถ้าตั้งราคาขายขวดละ 20 บาท มีส่วนต่างกำไรประมาณ 12.80 บาท

มีหลายคนที่หันมาเอาดีในการทำน้ำสมุนไพรขาย เช่นบางคนทำน้ำเก๊กฮวย ปริมาณ 5 ลิตร ทำได้ 20 ขวดขายขวดละ 20 บาท มีต้นทุนเพียง90 บาท ขายได้กำไรถึง 400 บาท ถือว่ากำไรหลายเท่าตัว หรือบางคนทำน้ำสมุนไพรขายหลายชนิดและมีทำเลในการขายที่ดี มีการกระจายสินค้าไปยังร้านค้าต่าง ๆก็สามารถสร้างกำไรเฉลี่ยต่อวันได้วันละ 1,000 -2,000 บาทได้

7.ขายน้ำเต้าหู้

58

ภาพจาก facebook.com/BaanNamtaohoo/

การเปิดร้านน้ำเต้าหู้อาจดูว่าใช้ต้นทุนไม่มาก แต่เราก็ควรคิดคำนวณให้ชัดเจน โดยต้นทุน-กำไรเบื้องต้นได้แก่ ถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม ต้นทุนอยู่ที่ 40 บาท น้ำตาลทราย 350 กรัม ต้นทุนประมาณ 8 บาท และเกลือป่น 1 ช้อนชา ต้นทุนประมาณ 1 บาท ค่าแก๊สประมาณ 9 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 58 บาท โดยถั่วเหลือง 1 กิโลกรัมสามารถทำน้ำเต้าหู้ได้ประมาณ 30-35 ถุง ถ้าขายถุงละ 8 บาท สร้างรายได้ประมาณ 240- 280 บาท หักต้นทุนเหลือกำไรประมาณ 182- 222 บาท เป็นต้น

8.ขายหมูปิ้ง / ลูกชิ้นทอด

57

ภาพจาก bit.ly/3skVU8i

ถ้ามีงบลงทุน 500 บาท อาชีพที่ง่ายและทำได้ทันทีคือการขายหมูปิ้ง หรือลูกชิ้นทอดที่อุปกรณ์หาได้จากในครัวลงทุนแค่วัตถุดิบเช่นเนื้อหมู หรือลูกชิ้น ทำเลก็ใช้พื้นที่หน้าบ้าน หรือโต๊ะเล็กๆ 1 ตัวพร้อมเตาปิ้งย่างถ้าไม่มีเงินซื้อก็อาจใช้เตาถ่านไปก่อนในช่วงแรก เงิน 500 บาทอาจทำเป็นสินค้าได้ไม่มาก แต่หากเริ่มมีเงินทุนมากขึ้นอาจเพิ่มสินค้าได้มากขึ้นหรือจะขยับขยายไปซื้อแฟรนไชส์ปิ้งย่าง ลูกชิ้นทอดที่ใช้เงินทุนเริ่มต้นที่ประมาณ 3,000 บาท

9.ขายความสามารถของตัวเอง

56

ภาพจาก freepik.com

บางคนมีเงินติดบัญชี 500 แต่เขามีความสามารถก็อาจจะเปลี่ยนความสามารถนั่นมาเป็นรายได้ เช่นบางคนเก่งภาษาอาจเป็นติวเตอร์ บางคนเก่งเรื่องวาดภาพงานศิลปะ อาจวาดภาพขายหรือรับจ้างสอน บางคนอาจเก่งเรื่องคอมพิวเตอร์อาจรับเขียนโปรแกรม ซ่อมคอมพิวเตอร์ เป็นต้น

ซึ่งเงินทุน 500 บาทแนะนำว่าให้นำไปใช้โปรโมทตัวเองผ่านช่องทางโซเชี่ยลต่างๆ ที่บางทีไม่ต้องลงทุนเกิน 500 และเมื่อได้ลูกค้ามารายได้ก็จะเริ่มมากขึ้น ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพงาน การบริการลูกค้าของเราเป็นสำคัญด้วย

10.ขายของออนไลน์

55

ภาพจาก freepik.com

เมื่อมีเงินทุนน้อยๆ ถ้าไม่พูดถึงการขายของออนไลน์ก็คงไม่ได้ ทุกวันนี้การขายของออนไลน์อาจไม่ต้องใช้เงินทุนในการเริ่มต้น หลายคนใช้โซเชี่ยลมีเดียของตนโพสต์ขายสินค้าเช่นสินค้ามือสองที่เรามีอยู่ หรือบางคนอาจใช้วิธีการขายแบบDropship ที่ไม่จำเป็นต้องสต็อคสินค้า แต่ก็ใช่ว่าทุกคนที่ขายของออนไลน์แล้วจะมีรายได้ทัน ในช่วงแรกต้องสร้างฐานลูกค้าขึ้นมาก่อนกว่าจะมีรายได้ที่ชัดเจนอาจต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การขาย การบริหารจัดการ ความตั้งใจจริงในการทำงานของเราเองด้วย

เงิน 500 บาทถือเป็นต้นทุนที่น้อยมากก็จริง ถ้าเรามีเงินติดตัวจริงๆแค่ 500 บาท ก็คงคิดหนักว่าเงินจำนวนนี้เราจะทำอย่างไรดี และเพื่อไม่ให้เราต้องมาคิดหนักแบบนี้ควรวางแผนการเงิน การหารายได้เพื่อให้เรามีเงินติดบัญชีได้มากกว่า 500 บาท แม้ในยุคนี้การลงทุนใดๆ จะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ยังมีช่องทางที่น่าสนใจที่พอจะทำได้ ขึ้นอยู่กับความขยัน ตั้งใจของเราเป็ฯสำคัญด้วย


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/2VTIN24 , https://bit.ly/3kHLw8Y , https://bit.ly/3jSLgSu

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3AMOihT

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด