ดำแทนเขียว ! เทรนด์อาหารสุดร้อนแรงในปี 2560

จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าอาหารในอันดับต้นๆ ของโลก ครองส่วนแบ่งตลาด 6.3% จากทั่วโลก ถือเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย รองจากประเทศจีน

โดยในปีที่ผ่านๆมาอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารไทยมีมูลค่าการส่งออกประมาณ 1.15 ล้านล้านบาท (32,960 ล้านเหรียญสหรัฐ) ขณะที่ช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาของปี 2559 มีมูลค่า 1.43 แสนล้านบาท (4,093 ล้านเหรียญสหรัฐ) เติบโตขึ้น 0.6% โดยอาหารส่งออกที่น่าสนใจและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องคือ อาหารกลุ่มผักผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋อง และแปรรูป มีการเติบโตขึ้น 14.3% คิดเป็นมูลค่า 3.36 หมื่นล้านบาท (962 ล้านเหรียญสหรัฐ)

www.ThaiSMEsCenter.com เห็นว่าในปี 2560 อุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทยจะมีเทรนด์ใหม่ที่น่าสนใจหลายประการ โดยอาหารสีดำที่มีส่วนผสมของสารคาร์บอนเพื่อดูดซับสารพิษต่างๆ จะได้รับความนิยมมากขึ้น ขณะเดียวกันอาหารประเภทซุปที่มีคุณค่าทางอาหารและเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายก็จะมีการเน้นกลุ่มเป้าหมายเฉพาะมากขึ้น เช่น เด็ก วัยทำงาน และผู้สูงอายุ

ว่ากันถึงเรื่องอาหารสีดำสำหรับคนไทย คงนึกไปถึงขนมหวานอย่างเฉาก๊วย แต่พักหลังๆ เริ่มมีเบอร์เกอร์ดำเข้ามาให้เราได้ตื่นเต้นตื่นตากันอยู่สักพัก แต่หลายคนกินแล้วก็ไม่ค่อยจะอินกับความแตกต่างของสิ่งที่รับประทานเข้าไปสักเท่าไหร่ วันนี้เราลองมาดูอาหารสุดแสนจะธรรมดา ที่พอถูกจับมาย้อมสีให้ดำทมึน กลับได้รับความนิยมชมว่าอร่อยขึ้นอย่างล้นหลาม

1.Charcoal Ice Cream

ดำแทนเขียว

ภาพจาก goo.gl/VqZPuQ

ขนมหวานยอดฮิตที่ปัจจุบันมีให้เราได้เลือกรับประทานอยู่หลายร้าน โดยส่วนประกอบของสีมักจะได้มาจากถ่านหุงข้าวไม้ไผ่ หรือที่เรียกกันติดปากกว่า ‘Charcoal’ ทว่าสีดำที่ได้มานั้น ไม่ได้มีผลอะไรกับรสชาติของตัวไอศกรีมเลยแม้แต่น้อย

แต่หลายร้านก็มักใส่ชื่อรสชาติไปว่า ‘ไอศกรีมรสถ่าน’ ซึ่งรสชาติก็แค่หวานเหมือนไอศกรีมทั่วไป ที่แตกต่างอาจจะเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ ของตัวถ่านเท่านั้น

แต่ก็มีหลายเจ้าที่ปรุงแต่งรสชาติอื่นๆ ลงไปด้วย อันนี้ก็สุดแล้วแต่ว่าร้านไหนจะครีเอทอะไรยังไง แต่ที่สุดแล้วสีดำสำหรับไอศกรีม ดูเหมือนจะถูกใส่เข้าไปให้เป็นแค่กิมมิคเล็กๆ เพื่อการขายเท่านั้น

2.อาหารสีดำในร้านอาหาร

e1

ภาพจาก goo.gl/n6lYaL

สำหรับสีดำที่ถูกนำมาใส่ในอาหารเหล่านี้ ส่วนมากจะมาจากถ่านไม้ไผ่ เปลือกลูกมะพร้าว หรือน้ำหมึกของปลาหมึกทะเลตามที่กล่าวไปข้างต้น

แต่กระนั้นการเลือกส่วนผสมที่จะใช้ประกอบเมนูอาหารแต่ละเมนู ก็ต้องเลือกให้เหมาะสม เพราะสมมุติว่านำน้ำหมึกจากปลาหมึกไปใส่ในไอศกรีม รสชาติและกลิ่นของไอศกรีมคงไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่

ในทางกลับกัน หากนำเอาถ่านไม้ไผ่ หรือผงจากเปลือกลูกมะพร้าวเผาไปใส่ในแป้งขนมปัง แน่นอนว่าทำได้ และหลายเจ้าก็ทำเช่นนั้น แต่เรื่องของรสสัมผัสและรสชาติ คงจะแตกต่างจากการใส่น้ำหมึกของปลาหมึกทะเลไม่น้อย

และที่สำคัญประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากหมึกทะเลก็จะหายไปด้วย ซึ่งอาหารในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นเมนูที่เจ้าของร้านพัฒนาขึ้นมาตามกระแสเช่นสปาเกตตี้สีดำ หรือขนมหวานอย่างไทยๆก็เห็นจะมีขนมเบื้องสีดำ ขนมโตเกียวสีดำ เป็นต้น

3.The Black Lemonade

b3

ภาพจาก goo.gl/Vnwt7l

การกระทำทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีเหตุผลด้วยกันทั้งสิ้น และการเปลี่ยนให้เครื่องดื่มเปรี้ยวจี๊ดอย่างน้ำมะนาวกลายเป็นสีดำ คงจะไม่ใช่เพียงเพราะความแตกต่างเป็นแน่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีดำที่ใส่เข้าไปนั้นได้มาจากเปลือกของลูกมะพร้าว ที่ทำหน้าที่ดูดซับสารพิษภายในร่างกาย ไม่ว่าจากสารเคมีต่างๆ รวมถึงช่วยในเรื่องของการลดคอเลสเตอรอล และสารอันตรายอื่นๆ ให้ออกจากร่างกายด้วยการขับถ่าย ถือได้ว่าเป็นเครื่องดื่มที่อินเทรนด์ อีกทั้งยังดีต่อสุขภาพไม่เบา

4.Black Burger

b5

ภาพจาก goo.gl/Kykr0g

เมนูนี้คนไทยคงเริ่มรู้จักกันดีแล้วกับแป้งขนมปังสีดำ ที่ถูกจับมาทำเบอร์เกอร์จนกลายเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของหลายๆ ร้าน โดยสีดำที่ใส่เข้าไปในแป้งขนมปังนั้นจะแตกต่างออกไป เพราะได้มาจากหมึกสีดำของปลาหมึกนั่นเอง และผู้ที่กินสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความแตกต่างของเนื้อสัมผัส ระหว่างขนมปังธรรมดากับขนมปังสีดำ

แต่ที่แน่นอนที่สุดคือ ขนมปังสีดำที่ได้มาจากสีน้ำหมึกของปลาหมึกทะเลนั้นอุดมไปด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนต์ ทั้งยังมีธาตุเหล็กและสารอาหารอื่นๆ ที่พบได้จากสัตว์ทะเลอีกด้วย

แล้วรู้กันหรือไม่ว่า แท้จริงแล้วยังมีเมนูอาหารสีดำอีกมากที่ไม่ได้ผ่านการใส่ผงถ่าน หรือหมึกแม้แต่น้อย แต่ใช้กรรมวิธีและภูมิปัญญาอันชาญฉลาดในการดึงคุณค่าของอาหารและสีที่ดูแล้วแปลกตา

ที่สำคัญอาหารสีดำเหล่านี้ยังอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย และในเมื่ออาหารที่ถูกดัดแปลงอย่างเช่น เบอร์เกอร์ ไอศกรีม หรือเส้นพาสต้าจะเป็นเทรนด์ฮิตได้ แล้วทำไมของเหล่านี้จะเป็นเทรนด์สุขภาพของเราไม่ได้

1. Black Garlic (กระเทียมดำ)

b6

ภาพจาก goo.gl/wMYu9t

เครื่องเทศธรรมดาๆ ที่มีแหล่งกำเนิดอยู่แถบประเทศเกาหลี และยังค้นพบอีกว่ามีกรดอะมิโนกว่า 18 ชนิด ทั้งโปรตีน เอนไซม์ SOD (Superoxide Dismutase) และโพลีฟีนอล กระเทียมดำจึงกลายเป็นที่ต้องการของตลาด ก่อนที่เทรนด์ฮิตอาหารสีดำจะมีขึ้นเสียอีก ถือเป็นอาหารจากธรรมชาติที่ถูกนำมาพัฒนาด้วยองค์ความรู้และภูมิปัญญา จนเกิดเป็นกระเทียมที่พิเศษกว่าแบบทั่วๆ ไปขึ้นมา

2. Carviar (ไข่ปลาคาร์เวียร์)

b7

ภาพจาก goo.gl/Zrlrjw

อาหารสุดแพงชนิดนี้ สำหรับคนไทยระดับราคาอาจจะสูงเกินจำเป็น แต่ถึงอย่างไร คาร์เวียร์ก็ยังเป็นอาหารเลิศรสสีดำที่อุดมไปด้วยวิตามิน เอ บี ดี อี ไอโอดีน กรดโฟลิค และแร่ธาตุต่างๆ แต่ทว่าราคาที่แพงเกินไปก็หันไปหาสีดำแบบอื่นกินก่อนก็ได้คุณค่าดีต่อร่างกายเหมือนกัน

3. Black Sesame Seed (งาดำ)

b8

ภาพจาก goo.gl/FOlh1B

งาดำถูกนำไปปรุงเป็นเมนูต่างๆ ทั้งคาวหวาน โดยเฉพาะขนมที่มีงาดำก็เป็นที่นิยมไม่น้อย และงาดำยังถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งในการให้สีสันของอาหารในเมนูอื่นๆ ด้วย อาทิ ขนมปัง, ไอศกรีม เป็นต้น

แต่ทว่าสีของมันเมื่อนำไปผสมกับเมนูอื่นๆ อาจจะไม่ดำสนิทเหมือนกับการใช้ถ่านไม้ หรือน้ำหมึกของปลาหมึกทะเล แต่เชื่อเถอะว่าความหอมและประโยชน์ที่มันให้ มีมากกว่าของเหล่านั้นมากมาย

นอกจากเมนูอาหารที่เรายกตัวอย่างไปด้านบนแล้ว ยังมีอาหารอีกหลายประเภทที่ถูกจับมาใส่สีดำ อาทิ เส้นพาสต้า โดนัท เค้ก เส้นบะหมี่ และอีกหลากหลายส่วนผสมในการประกอบอาหาร

อย่างไรก็ตามกระแสของอาหารก็เปรียบเสมือนแฟชั่นเสื้อผ้า ที่มีมาก็ต้องมีไป และอาจจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้ สิ่งสำคัญคือต้องรู้จักมองประโยชน์ของสิ่งที่รับประทานเข้าไปว่ามีประโยชน์มากน้อยเพียงใด คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรือไม่ด้วย

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด