ดันแบรนด์ให้ฮิตด้วยเทคนิค 5 more และ 4P ยุคใหม่

ทฤษฏีการตลาด ยุคใหม่เป็นเรื่องที่คนทำธุรกิจจะต้องศึกษาการกางตำราแบบเดิมเพื่อทำธุรกิจนั้นมีโอกาสเสี่ยงที่จะล้มเหลวสูงมากเนื่องด้วยการตลาดที่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง

การปรับตัวเพื่อให้มีข้อมูลใหม่จะส่งผลดีต่อการทำธุรกิจมากกว่า www.ThaiSMEsCenter.com มีแนวทางการสร้างแบรนด์ยุคใหม่ที่เรียกว่าเป็นสูตร 5more ที่เราต้องทำให้ได้มากขึ้นกว่าก่อนรวมถึง การตลาดแบบ 4P ยุคใหม่ที่ขอให้ลืมตำราเก่าทิ้งไปแล้วเรียนรู้กลยุทธ์ใหม่เพื่อทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ในยุคนี้

5 ปัจจัยขับเคลื่อนแบรนด์ในยุคใหม่

ทฤษฏีการตลาด

ภาพจาก goo.gl/JhspWx , goo.gl/D2RTzH

1. More Moment

คือการทำให้ผู้บริโภคนั้นเกิดความเชื่อถือในสินค้าและผลิตภัณฑ์รวมถึงสามารถให้ผู้บริโภคปฏิบัติตามการแนะนำได้ นั้นหมายถึงแบรนด์ต้องสร้างความทรงจำที่ถูกต้องหรือ Moment of Truth ขึ้นมากระตุ้นการรับรู้ของผู้คนให้รู้สึกได้ว่าสินค้านั้นจำเป็นแค่ไหนหรือที่จริงแล้วต้องใช้อย่างไรตัวอย่างที่น่าสนใจของการใช้แนวทางนี้

เช่น beng-beng แบรนด์ขนมทานเล่น ที่เลือกใช้วิธีการสร้างความรู้ชุดใหม่ที่บอกว่า “จะทานอร่อยขึ้น ถ้าแช่ตู้เย็นก่อน” ผลปรากฎว่าทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการบริโภคสินค้าตัวนี้มากขึ้น สุดท้ายแล้วทำให้เกิดกระแสการซื้อ beng-beng ไปแช่ตู้เย็นไว้คราวละมากๆ นับเป็นวิธีการที่ประสบความสำเร็จเลยทีเดียว

2. More Target

คือการขยายฐานลูกค้าออกไปให้กว้างกว่าเดิมแน่นอนว่าการทำแบรนด์ ต้องมีฐานลูกค้าที่ชัดเจนว่าเป็นกลุ่มใคร อายุเท่าไหร่ รายได้ประมาณไหน แต่สิ่งที่สำคัญเมื่อแบรนด์แข็งแกร่งในระดับหนึ่งแล้ว ต้องขยายฐานลูกค้าออกไปให้มากกว่าเดิมให้ได้ ยกตัวอย่างเช่นแบรนด์อาหารของเกาหลีใต้ที่ชื่อ Chung Jung One มองเห็นว่าเทรนด์การใช้ชีวิตแบบคนโสดกำลังมาแรง

และที่สำคัญคนโสดเหล่านี้ทำอาหารทานเองที่บ้าน เลยส่งชุดอาหารที่ระบุชัดเลยว่า “อาหารสำหรับทานคนเดียว” ผลที่ได้คือแบรนด์ได้รับความนิยมสูงมาก เพราะคนที่อยู่เป็นครอบครัวก็สามารถซื้อชุดอาหารนี้ทานได้เช่นกัน

i5

ภาพจาก goo.gl/wgKb7H

3. More Presence

หมายถึงการนำเสนอสินค้าต้องให้แพร่กระจายมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ยิ่งสามารถปรากฏอยู่ในทุกๆที่จะเป็นเรื่องที่ดีมากยกตัวอย่างที่น่าสนใจคือแบรนด์ Heinz ที่ขายซอส เหตุเกิดในประเทศจีน เพราะแต่เดิมที่ขายในรูปแบบขวดเท่านั้น

ส่วนใหญ่ขายอยู่ในทางตอนใต้ของจีน แต่ที่นี้ต้องการขยายแบรนด์ให้เกิดการรับรู้และเพิ่มยอดขาย Heinz ในจีนจึงสำรวจตลาดแล้วพบว่า ทางภาคเหนือและตะวันตกมีความต้องการซอสตัวนี้เช่นกัน แต่ไม่สะดวกหากจะต้องซื้อเป็นขวด Heinz จึงทำมาเป็นรูปแบบซอง ผลปรากฎว่า สินค้าได้รับความนิยมถล่มทลาย

4. More Categories

นั้นคือการมีสินค้าแบบเดียวแบบเดิมอาจไม่เพียงพอสิ่งสำคัญคือการแตกไลน์สินค้าให้แปลกใหม่มากขึ้นแต่คำถามที่น่าสนใจกว่าคือจะขยายประเภทสินค้าอย่างไรให้แบรนด์แข็งแกร่ง

มีตัวอย่างหนึ่งของ Downy ที่แต่เดิมขายน้ำยาปรับผ้านุ่ม แรกๆ คนยังไม่รู้จัก ก็ทำตลาดมาเรื่อยๆ ต่อมาการขยายฐานไปสู่สินค้าตัวใหม่ เช่น สเปรย์ เทียนไข ซึ่งการทำแบบนี้ส่งผลให้ Downy มีผลประกอบการเพิ่มขึ้น 5% ทั่วโลก หรือลูกอมอย่าง Chupa Chups ที่ไม่น้อยหน้าในเรื่องนี้กับการแตกไลน์จากขนมเด็กมาเป็นครีมอาบน้ำเพื่อสร้างการตลาดใหม่และน่าสนใจมากด้วย

i6

ภาพจาก goo.gl/TPnyUF

5. More Needs

เป็นการทำให้สินค้ากลายเป็นสิ่งที่ลูกค้านั้นต้องการใช้ในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้นการเพิ่มศักยภาพเรื่องนี้อาจต้องอาศัยความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกันเป็นหลักเช่น Yakult ที่แต่เดิมทำตลาดกับผลิตภัณฑ์นมมาโดยตลอด

ก็ได้หันไปร่วมมือกับ Haru ที่เป็นแบรนด์ทำที่มาร์กส์หน้า โดย Yakult ส่งผักและผลไม้กับ Haru เพื่อนำไปทำมาร์กส์ ถือเป็นการกระโดดลงมาเล่นกับตลาดสกินแคร์ที่สร้างความต้องการใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคนั่นเอง

ทั้งนี้ยังมีอีก 2 ปัจจัยคือ การสร้างโปรโมชั่นที่ทำให้เกิดการโน้มน้าวพฤติกรรมของผู้บริโภค แต่วิธีการนี้มีข้อเสียตรงที่ไม่ยั่งยืน เพราะถ้าโปรโมชั่นหมด ผู้บริโภคอาจจะถอยไปได้เหมือนกัน

ส่วนอีกปัจจัยคือ การสร้างความแตกต่างให้แบรนด์ ข้อนี้ถือเป็นพื้นฐานที่ทุกแบรนด์ต้องทำอยู่แล้ว เพราะถ้าแบรนด์ไหนทำได้ก็จะอยู่ในความรับรู้ของผู้บริโภคได้นานเท่านั้น

หลักการตลาดแบบ 4P ยุคนี้ต้องปรับปรุงใหม่

นับเป็นการตลาดขั้นพื้นฐานที่เราหลายคนก็รู้จักกันเป็นอย่างดีแต่เมื่อยุคสมัยได้เปลี่ยนไปการจะยึดติดกับแนวทางเดิมๆของหลักการนี้ก็ดูจะไม่สอดคล้องกับยุคสมัยดังนั้นจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ก้าวล้ำนำหน้าได้มากขึ้น

i7

ภาพจาก goo.gl/H42JL9

1. Product ไม่ใช่แค่ไอเดียใหม่แต่วัดกันที่ความเร็วด้วย

เราเคยเรียนรู้กันว่าสินค้าหากจะครองใจต้องเป็นสินค้าที่มีความแปลกใหม่เป็นสำคัญ แต่ในยุคนี้ความแปลกใหม่อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอแต่ยุคนี้สำคัญที่ “ความเร็ว”

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือแบรนด์ ZARA ที่มีการปรับเปลี่ยนแฟชั่นในร้านเรียกได้ว่าแทบจะทุกสัปดาห์เพื่อมาทดลองตลาดว่าผู้บริโภคต้องการอะไรแบบ แบบไหน และอย่างไร หลังจากนั้นเมื่อทดลองแล้ว ถ้าผู้บริโภคชอบก็ต้องใช้ความรวดดเร็วในการทำตลาด คือส่งสินค้านั้นๆ ลงตลาดอย่างรวดเร็วต่อไป

2. Price ต้องเน้นให้ซื้อง่ายขายคล่องที่สุด

แต่เดิมการตั้งราคา เรามักจะติดกับดักอยู่ในความคิด 2 แบบคือ ตั้งราคาที่สูงแล้วค่อยลดลงให้ต่ำ หรือตั้งราคาที่ต่ำแล้วค่อยเพิ่มให้สูงขึ้น แต่วิธีการเดิมใช้ไม่ได้ผลแล้วตัวอย่างหนึ่งในเม็กซิโก ที่มีแบรนด์ผงซักฟอกรายหนึ่งไปทำการศึกษาเชิงคุณภาพ พบว่า คนเม็กซิกันส่วนใหญ่มักพกเหรียญไม่เกิน 10 peso เมื่อรู้แบบนี้แล้วแบรนด์เลยส่งผงซักฟอกราคาไม่เกิน 10 peso ลงสู่ตลาด

ผลปรากฎว่าขายดี เพราะซื้อง่ายขายคล่อง อย่างเรื่องนี้จะเห็นได้เลยว่าวิธีคิดเรื่องราคาในเชิงการตลาดต้องเปลี่ยน และสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้คือการทำวิจัยการตลาดเชิงลึกที่มีคุณภาพ

i8

ภาพจาก goo.gl/FHfkbm

3. Place ทำเลที่ดีไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดในการทำการค้าอีกต่อไป

ในอดีต ถ้าพูดถึงการขายของในวงการค้าปลีก เราจะถูกสอนให้คิดถึงเรื่อง Location แต่เราก็ได้เห็นแล้วว่าค้าปลีกหลายรายในโลกปิดตัวไปเป็นจำนวนมากในขณะที่ค้าปลีกออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

ในแง่นี้บอกได้เลยว่า ถ้ายังท่อง 4P กันในแบบเดิมๆ ในยุคนี้ รับรองว่าไปไม่รอดแน่ๆ ทางที่ดีคือเราต้องคิดใหม่ได้แล้วว่า สถานที่เชิงกายภาพไม่ใช่สิ่งจำเป็นสูงสุดในการคิดเรื่องการตลาดในโลกยุคนี้

4. Promotion ยุคนี้ต้องให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของชีวิตประจำวัน

โปรโมชั่นคือช่องทางหนึ่งในการสื่อสารสินค้าไปยังผู้บริโภค แต่เดิมเราจะดูว่าสินค้าตัวนี้เหมาะที่จะส่งโปรโมชั่นกับผู้บริโภคกลุ่มไหน แต่ในโลกยุคปัจจุบันที่มีการใช้ Big Data เข้ามาในแวดวงธุรกิจมากขึ้น

ทำให้รูปแบบการส่งเสริมการขายต้องเปลี่ยนไปตัวอย่างหนึ่งคือ ในสหรัฐอเมริกา เวลามีพายุเข้า ค้าปลีกรายใหญ่อย่าง Wal-Mart จะมียอดขาย Pop-Tarts เพิ่มขึ้นประมาณ 7 เท่าตัว

ดังนั้น เมื่อมีข่าวว่าพายุจะเข้า Wal-Mart ก็เลยส่ง Promotion ขาย Pop-Tarts อย่างเต็มที่ และรับประกันด้วยว่ามีของเยอะ ไม่หมดแน่นอน นับเป็นการทำ Promotion ที่ต้องใช้ Big Data เข้ามาช่วยทำให้การตลาดประสบความสำเร็จได้อย่างน่าสนใจ

i3

ภาพจาก goo.gl/hiAes1

กลยุทธ์ทั้งหลายเหล่านี้คือการปรับเปลี่ยนรูปแบบความรู้ใหม่ให้ทันกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การท่องจำแต่ตำราเดิมๆ ไม่อาจใช้ได้ผลดีในยุคนี้ เรื่องของการตลาดจึงเป็นสิ่งที่ผู้ทำธุรกิจจะต้องศึกษาให้ต่อเนื่องและอัพเดทความรู้ใหม่ๆตลอดเวลา

เพื่อให้แข่งขันกับคู่แข่งที่มีอยู่เป็นจำนวนมากคนที่มีความรู้ด้านการตลาดแข็งแกร่งและสามารถประยุกต์ใช้ในธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพคือคนที่มีโอกาสสำเร็จในด้านการลงทุนมากที่สุดด้วย

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเราได้รวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด