ซูชิพันธุ์ไทย หมีไรกิน เปิดตัว 6 เดือน ยอดขายหลักแสน!

หลายคนคิดว่า ธุรกิจร้านอาหาร มีการแข่งขันสูง ขืนลงทุนไปอาจมีแต่ทรงกับทรุด แต่ในความเป็นจริงวิกฤติย่อมมีโอกาส เพียงแต่โอกาสนั้นต้องสร้างจากไอเดีย

ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไรก็ตามอย่าสนใจว่ามีคู่แข่งมากแค่ไหน ให้คิดแค่ว่าไอเดียเราแปลกและแตกต่างมากพอหรือยัง ถ้ามั่นใจว่าดีพอให้เดินหน้าสุดกำลัง ทำให้เต็มที่ กำไรที่เราคาดหวังมันอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

จดหมายข่าวของ www.ThaiSMEsCenter.com สัปดาห์นี้เรามีตัวอย่างของคนที่เปลี่ยนไอเดียตัวเองเป็นรายได้กับร้านซูชิที่บางคนบอกไม่เห็นจะแปลกมีให้เห็นทั่วไปใครๆเขาก็ทำกัน แต่ถ้าบอกว่านี่คือ “ซูชิพันธุ์ไทย” ที่แต่ละเมนูแค่เห็นเป็นต้องน้ำลายไหล

ลืมภาพซูชิต้นตำหรับแบบเดิมๆ ไปเลย ที่สำคัญชื่อร้านก็เด่นโดนใจ รู้จักกันไปทั่วสำหรับ ร้าน “หมีไรกิน” หลังจากเปิดตัวมาประมาณ 6 เดือนความสำเร็จที่เกิดขึ้นตอนนี้ เรียกว่าแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่จริงๆ

จากขายของออนไลน์สู่เจ้าของร้าน “หมีไรกิน”

ซูชิพันธุ์ไทย

เจ้าของร้าน “หมีไรกิน” คือคุณนัทพล สอนวงษ์ ก่อนหน้าที่จะมาเปิดร้านซูชิแห่งนี้ เคยจับธุรกิจขายของออนไลน์เพราะเห็นว่ามีคนทำแล้วประสบความสำเร็จ แต่ในความเป็นจริงมันยิ่งกว่าละคร ความถนัดของคนเราไม่เหมือนกัน สุดท้ายคุณนัทพล คิดใหม่ทำใหม่ขอทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ เริ่มมาจับจุดเริ่มต้นทำร้านอาหาร คำถามก็คือทำไมเลือก “ซูชิ”

คำตอบสั้นๆง่ายๆ เพราะ “ซูชิ” ใส่ไอเดียใหม่ๆ ได้ง่าย และสามารถคิดค้นเมนูใหม่ๆให้ลูกค้ากินได้อย่างไม่รู้จบ ปัญหาของซูชิที่เคยเจอคือเป็นเมนูของญี่ปุ่น บางคนเข้าไม่ถึงรสชาติ บางครั้งราคาแพงเกินไป

กลายมาเป็นโจทย์ง่ายๆแต่ได้ผลกับคำว่า “ซูชิพันธุ์ไทย” ที่ผสมผสานเมนูไทยๆ ลงไปเป็นหน้าซูชิ ไม่ใช่แค่ไอเดียดีแต่รสชาติก็ดีด้วย กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อที่สำคัญไม่แพง กินได้ทุกวันแบบที่เงินในกระเป๋าไม่แห้งเหือดด้วย

“หมีไรกิน” ชื่อดีๆที่พาธุรกิจติดปีกโตเร็วกว่าที่คิด

10

ฟังดูน่ารักดีสำหรับคำว่า “หมีไรกิน” ที่คุณนัทพล ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น ที่มาของชื่อนี้เกิดจากตัวคุณนัทพล แฟนของคุณนัทพล รวมถึงเพื่อนสนิทที่เป็นเชฟ ต่างคนก็บิ๊กไซด์ จึงคิดว่า “หมี” น่าจะสื่อถึงความเป็นตัวตนได้ดี

ประกอบกับแฟนคุณนัทพลเป็นคนระยอง เวลาพูดว่า “มีอะไรกิน” จะออกเหน่อๆ กลายเป็น “หมีไรกิน” ทุกอย่างจึงลงตัวที่คำนี้และก็ดูเหมือนจะกลายเป็นแบรนด์ที่คนจดจำ ประเภทไม่ต้องพูดเยอะเจ็บคอแต่คนจำได้ดี “หมีไรกิน” ซูชิพันธุ์ไทย

ธุรกิจที่เริ่มเปิดตัวเมื่อเดือนเมษายน 2561 มาถึงตอนนี้เพียงแค่ 6 เดือนแต่แบรนด์ “หมีไรกิน” กลับฮิตติดหู และนั่นคือหนึ่งเคล็ดลับความสำเร็จของการทำธุรกิจยุคใหม่ ที่ผู้ลงทุนต้องสร้าง “แบรนด์” ตัวเองให้เกิด ให้ทุกคนจำได้ ควบคู่กับ “สินค้า” ที่ต้องดีพอๆกับชื่อแบรนด์ ถ้า 2 อย่างนี้มาพร้อมกัน ธุรกิจนั้นเกิดแน่ๆ แม้จะมีคู่แข่งมากแค่ไหนก็ตาม

8 เมนูสุดพีค มา “หมีไรกิน” แล้วต้องลอง

7

ร้าน “หมีไรกิน” อยู่บริเวณ ซอยรามคำแหง 110 (หมู่บ้านสัมมากร) รองรับลูกค้าในร้านได้ประมาณ 40 ที่นั่ง ช่วงเวลาที่คนเข้าร้านมากที่สุดคือตอนเที่ยงและตอนเย็น โดยเมนูสุดครีเอทประเภทที่มาถึงร้านแล้วต้องสั่ง

เริ่มจาก ข้าวปั้นที่มีถึง 8 หน้าและแต่ละหน้าก็เรียกว่าอยากรู้รสชาติต้องลองให้หมด มีทั้ง หน้าเสือร้องไห้, หน้าคอหมูย่าง, หน้าหมูสามชั้นทอด, หน้าตับกระเทียม, หน้าตับหวาน, หน้าหมูมะนาว, หน้าปลาทูทอด, หน้าชะอมชุบไข่

8

หรือจะเลือกเป็นข้าวถาดหลายใจที่ได้ไอเดียมาจากร้านกระเพราถาดแต่ข้าวถาดหลายใจของหมีไรกินมี 3 อย่างใน 1 ถาด ให้ลูกค้าเลือกกินได้ตามความพอใจ รวมถึงชุดซี่โครงหมูบาร์บีคิวที่เป็นอีกซิกเนเจอร์ของร้านที่ต้องลองสั่งมากินกันให้ได้

9

สำหรับราคาอาหารก็ถือว่าไม่แพง ข้าวปั้นหน้าต่างๆคิดราคาคำละ 15-18 บาท หรือหากสั่งเป็นชุด 12 คำก็ราคาเพียง 158 บาทเท่านั้น ทั้งนี้นอกจากการขายในร้าน ก็ยังมีบริการส่งสินค้าแบบเดลิเวอรี่ให้คนสนใจที่สั่งสินค้าผ่านระบบออนไลน์ได้อีกด้วย

5 เทคนิคปั้นร้านอาหารประสบความสำเร็จ

6

เป็นความฝันของทุกคนในยุคร้านอาหารเต็มเมืองที่ขอมีกำไรจากธุรกิจนี้แม้จะได้ชื่อว่าเป็นการลงทุนที่มีลูกค้ามากแต่ปัญหาคือทำร้านอาหารแบบไหนถึงจะSuccessได้ ลองดูแนวคิดของคุณนัทพล เพื่อใช้เป็นแนวทางเบื้องต้น

1.แบรนด์สำคัญที่สุด

5

ชื่อแบรนด์ก็เหมือนเป็นด่านแรกให้คนรู้จัก ยุคนี้ต้องแปลกแหวกแนว แต่ต้องมีเอกลัษณ์ของตัวเองเอาไว้ ใครที่คิดจะเปิดร้านอาหาร หมดยุคชื่อร้านเดิมๆ อย่างน้อยต้องมีความโมเดิร์นฟังแล้วอยากรู้ว่ามันคืออะไร แต่การตั้งชื่อให้แปลกก็ไม่ใช่จะไร้ที่มาต้องเป็น Story ที่บอกเล่าลูกค้าได้ โดยเฉพาะในยุคที่โซเชี่ยลมาแรงชื่อยิ่งแปลกคนก็ยิ่งจำ

2.ยิ่งหลังพิงฝายิ่งต้องสู้

4

คุณนัทพลให้นิยามคนลงทุนไว้ 2 แบบคือคนที่มีเงินลงทุน กับคนที่ไม่มีเงินลงทุน ส่วนตัวคุณนัทพลอยู่ในประเภทหลังคือไม่มีเงินมากพอดังนั้นทุกอย่างต้องมั่นใจว่าจะไปรอด ยิ่งหลังพิงฝายิ่งต้องสู้ ทำให้ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความระแวดระวังใส่ใจในทุกรายละเอียดตั้งแต่ก่อนเปิดร้าน ตกแต่งร้าน จัดร้าน เมื่อเรามีต้นทุนน้อยกว่าคนอื่นยิ่งต้องบังคับให้สร้างสรรค์ ไม่อย่างนั้นก็อยู่ไม่ได้

3.เตรียมพร้อมเจอปัญหาทุกรูปแบบ

3

ทุกธุรกิจมีปัญหาแต่ร้านอาหารเราจะเจอปัญหามากที่สุด ตั้งแต่ น้ำรั่ว พื้นพัง แอร์เสีย ท่อตัน ลูกค้าบ่น ใครที่อยากประสบความสำเร็จต้องหาวิธีรับมือกับปัญหาเหล่านี้เอาไว้ และหาวิธีแก้ไขไว้ล่วงหน้า พยายามเรียนรู้กับปัญหาที่จะเกิดขึ้น ที่สำคัญต้องใจเย็นค่อยๆแก้ปัญหาอย่าอารมณ์เสียเด็ดขาด

4.เมนูต้องมีไอเดีย

1

หลัก 4P ที่เราเคยเรียนกันมา ตัวที่ต้องเน้นมากที่สุดคือ Product โดยคุณนัทพลให้นิยามว่า สินค้ายุคนี้ต้อ “แปลก ใหม่ ใหญ่ ดัง” ถ้าเปิดร้านอาหารแล้วมีสกิลเหล่านี้รวมอยู่ด้วย โอกาสจะแจ้งเกิดในวงการก็มีสูงมากเช่นกัน

5.โตช้าๆแต่ชัวร์

2

สำคัญที่สุดของธุรกิจร้านอาหารคือต้องเติบโตไปทีละขั้นโดยเฉพาะหากคิดจะขยายในระบบแฟรนไชส์ต้องรู้จักบริหารร้านต้นแบบของตัวเองให้อยู่รอดก่อน และลองเพิ่มสาขาของตัวเองอีกสักแห่ง แล้วลองบริหารจัดการหากยังเป็นไปได้ดีนั่นก็หมายความว่าเราพร้อมที่จะขายแฟรนไชส์ให้คนสนใจได้แล้วเช่นกัน

สำหรับรายได้จากการเปิดร้านในระยะเวลากว่า 6 เดือนที่ผ่านมาภาพรวมค่อนข้างประสบความสำเร็จ หมีไรกิน เป็นแบรนด์ที่กระแสโซเชี่ยลให้ความสนใจ แต่สิ่งที่ต้องพัฒนาคือการควบคุมต้นทุนวัตถุดิบให้อยู่ในขอบเขตที่ควรจะเป็นจากที่ตั้งเป้าว่าไม่ควรจะเกิน 35% แต่ปัจจุบันเกินกว่า 50% นั่นหมายความว่าหากลดต้นทุนในส่วนวัตถุดิบนี้ลงได้รายได้ของหมีไรกินจะเพิ่มมากขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณการขาย

ภาพรวมแม้รายได้จะค่อนข้างมากแต่หักลบค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ถือว่าพอมีกำไรให้อยู่รอดได้ที่สำคัญต้องพยายามเอากำไรนั่นมาขยายกิจการให้เติบโตมากขึ้น ตั้งเป้าสู่การขายแฟรนไชส์ในปี 2562 พร้อมด้วยโปรเจค “หมีล้อมเมือง” ที่ให้ลูกค้าไม่ว่าอยู่ ณ ที่ใด ก็สามารถอร่อยกับเมนูของหมีไรกิน ได้จากร้านใกล้ๆ โดยไม่ต้องเดินทางมาถึงรามคำแหง

12

รายละเอียดเพิ่มเติม
โทร.065-8538848
Facebook: www.facebook.com/mheeraigin 

 

อ้างอิงจาก https://bit.ly/2LZIvlH

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด