ซื้อแฟรนไชส์ควรเป็น “นิติบุคคล หรือ บุคคลธรรมดา”

ปัจจุบันผู้ซื้อแฟรนไชส์มีทั้งบุคคลธรรมดาและ นิติบุคคล แต่รู้หรือไม่ว่าทั้งสองมีความแตกต่างกัน และผู้ซื้อแฟรนไชส์ควรจดทะเบียนนิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดา วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จะนำเสนอให้ทราบ

การเริ่มต้นธุรกิจในปัจจุบัน ทั้งสร้างธุรกิจเอง และซื้อแฟรนไชส์ สามารถเริ้มต้นได้ 2 รูปแบบ คือ บุคคลธรรมดา และ นิติบุคคล การทำธุรกิจแบบบุคคลธรรมดา คือ การใช้ชื่อเจ้าของกิจการเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด

นิติบุคคล

ภาพจาก facebook.com/ufofishball

โดยเฉพาะเรื่องการทำนิติกรรมสัญญา หรือการชำระภาษีเงินได้ประจำปี เป็นการดำเนินการในชื่อเจ้าของกิจการ และควรจดทะเบียนพาณิชย์ด้วย เพื่อเปิดเผยธุรกิจให้ถูกต้อง มีสถานที่ประกอบกิจการชัดเจน เป็นธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย ขั้นตอนไม่ยุ่งยากเท่าการเป็นนิติบุคคล

ส่วนใหญ่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ที่ดำเนินการแบบบุคคลธรรมดาจะนิยมซื้อแฟรนไชส์แบบสร้างอาชีพ ค้าขาย รูปแบบคีออสและรถเข็น เงินลงทุนแฟรนไชส์ไม่สูงมาก เช่น ชา กาแฟ ก๋วยเตี๋ยว ไก่ทอด ลูกชิ้นทอด เป็นต้น

20

ภาพจาก facebook.com/overheatsmoothie

ส่วนการทำธุรกิจแบบนิติบุคคล คือ กลุ่มบุคคลหรือองค์กรที่ตกลงทำกิจการร่วมกัน เช่น ห้างหุ้นส่วนสามัญแบบจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สิ่งที่ผู้ประกอบการ นักธุรกิจรุ่นใหม่จำเป็นจะต้องรู้และทำความเข้าใจ โดยจุดที่แตกต่างกันของบุคคลธรรมดา คือ ไม่ต้องจัดทำบัญชี การคิดคำนวณภาษี

แต่นิติบุคคลจะต้องจัดทำบัญชี จัดทำงบการเงินโดยมีผู้สอบบัญชีตรวจสอบ จำกัดความรับผิดชอบภาระหนี้สินที่เกิดขึ้น มีความน่าเชื่อถือ เสียภาษีน้อยกว่า อีกทั้งยังได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลอีกด้วย

19

ภาพจาก bit.ly/2SxqVot

ที่สำคัญการเป็นนิติบุคคลจะเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่บริษัทแฟรนไชส์ใหญ่ๆ หรือแบรนด์ดังๆ ใช้ในการพิจารณาให้สิทธิแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ด้วย แม้ว่าผู้ซื้อแฟรนไชส์จะมีเงินลงทุนมากมาย แต่ถ้าไม่เป็นนิติบุคคลก็จะไม่ได้รับการพิจารณา

เพราะบริษัทแม่แฟรนไชส์ใหญ่ๆ จะให้ความสำคัญในเรื่องความน่าเชื่อถือของผู้ซื้อแฟรนไชส์ หากเป็นนิติบุคคลจะมีความน่าเชื่อถือกว่า ยกตัวอย่างแฟรนไชส์ที่พิจารณาผู้ซื้อแฟรนไชส์ในนามนิติบุคคล เช่น คาเฟ่อเมซอน เคเอฟซี แมคโดนัลด์ เชสเตอร์ เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าระบบธุรกิจแฟรนไชส์ที่จะประสบความสำเร็จ ส่วนหนึ่งมาจากกระบวนการคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์หรือแฟรนไชส์ซีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบงานแฟรนไชส์ เพราะผู้ที่เป็นแฟรนไชส์ซีจะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างธุรกิจแฟรนไชส์ให้เติบโต

18

ภาพจาก facebook.com/chesterthai

ดังนั้น หากใครที่คิดจะลงทุนแฟรนไชส์ ไม่ใช่ว่ามีเงินทุนอย่างเดียว ก็สามารถเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ได้ เพราะเจ้าของแฟรนไชส์จะมีหลักเกณฑ์พิจาณาผู้ลงทุนแฟรนไชส์อย่างละเอียด และเข้มข้น เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับแบรนด์แฟรนไชส์ของพวกเขา หากเลือกนักลงทุนไม่ดี ไม่ตั้งใจบริหารธุรกิจ ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อแบรนด์แฟรนไชส์ในภายหลังได้

สรุปก็คือ หากใครซื้อแฟรนไชส์ขนาดเล็ก ลงทุนต่ำ ให้ทำในนามบุคคลธรรมดาก็พอ แต่ถ้าซื้อแฟรนไชส์ขนาดใหญ่ ลงทุนสูง ควรเป็นนิติบุคคล เพราะจะมีความน่าเชื่อถือในเรื่องของการจัดทำบัญชี จัดทำงบการเงิน


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3lsCsCb

01565898888

ท่านใดสนใจอยากให้สร้างระบบแฟรนไชส์ แจ้งความประสงค์ได้ที่
โทร : 02-1019187, Line : @thaifranchise

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช