ฉีกกฎเฉาก๊วยเมืองไทย! ด้วยแฟรนไชส์เฉาก๊วยลาวา เครื่องดื่มแบบสมูทตี้ทำกำไรดีสุดยอด!

การจะ เริ่มต้นทำธุรกิจ ที่หวังผลให้ประสบความสำเร็จได้นั้นสิ่งสำคัญคือต้องให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งในประเทศไทยความที่เป็นเขตร้อนอากาศตลอดทั้งปีแทบไม่มีเดือนไหนที่คนไทยบ่นว่าไม่ร้อน

ด้วยเหตุนี้ถ้าจะมองหาช่องทางการตลาด โจทย์การตั้งธุรกิจที่ดีที่สุดคือสินค้าที่ดับกระหายคลายร้อนซึ่งรับรองได้ว่าเป็นที่นิยมของลูกค้าตลอดทั้งปีชนิดที่เรียกว่าขายฤดูไหนเมื่อไหร่ก็มีคนต้องการตลอดเวลาจึงเป็นที่มาของตลาดเฉาก๊วยเมืองไทยที่มีอัตราการเติบโตมากขึ้นในทุกปี

เริ่มต้นทำธุรกิจ

อันที่จริงเฉาก๊วยกับคนไทยนั้นเป็นของคู่กันมานานกว่า 100 ปีแรกเริ่มนั้นเฉาก๊วยต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนและเมื่อมีการย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในเมืองไทยก็ทำให้เฉาก๊วยเริ่มมาแพร่หลายในเมืองไทยด้วยจนเราแยกกันไม่ออกและคิดว่าเฉาก๊วยเป็นสินค้าแบบไทยๆ หลังจากความสนใจมีมากขึ้นสินค้าชนิดนี้ก็มีพัฒนาการต่อเนื่อง

โดยเราจะเห็นว่าเฉาก๊วยมีพัฒนาการที่แตกต่างจากในอดีตอย่างชัดเจน สมัยก่อนเราจะเห็นว่าถ้าพูดถึงเฉาก๊วยก็คือ ของกินสีดำๆเหนียวๆหนุบๆ ที่ใส่มาในแก้วพร้อมน้ำแข็งราดน้ำเชื่อม กินให้ชื่นใจดับกระหายคลายร้อนได้อย่างดี

h21

แต่เมื่อสังคมเปลี่ยน การตลาดก็ต้องเปลี่ยน ผสมผสานกับเทรนด์สุขภาพที่มาแรงในช่วง 2-3 ปีหลัง เฉาก๊วยที่มีคุณลักษณะของอาหารสุขภาพรวมอยู่ด้วยก็ได้การตอบรับที่ดีเพิ่มขึ้นก่อเป็นธุรกิจในลักษณะแฟรนไชส์ที่นำเอาเฉาก๊วยมาโมดิฟายด์ใหม่กลายเป็นเฉาก๊วยแบบสมูทตี้ที่ www.ThaiSMEsCenter.com มองว่าเป็นเทรนด์การขายน่าสนใจซึ่งสินค้าแนวนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

โดยกระแสแฟรนไชส์หนึ่งที่เรียกว่าร้อนแรงและเปิดตัวไม่นานก็ได้รับความนิยมจนขยายสาขาได้จำนวนมากคือแฟรนไชส์เฉาก๊วยลาวาของคุณ รัตติการ จันทา ที่มีเอกลักษณ์สำคัญในเรื่องตัวสินค้าที่พร้อมทำให้ผู้ลงทุนมีกำไรง่ายขึ้นและสามารถคืนทุนไวในเวลาอันรวดเร็ว

เปลี่ยนความชอบก่อให้เกิดเป็นธุรกิจแฟรนไชส์

h22
คุณ รัตติการ จันทา เจ้าของแบรนด์เฉาก๊วยลาวา กล่าวว่า การทำธุรกิจอันดับแรกก็ต้องมีพื้นฐานมาจากความรู้สึกของตัวเองเป็นสำคัญ ธุรกิจที่ดีที่จะเติบโตได้เร็วต้องมีใจรักในสินค้านั้นเป็นจุดเริ่มต้นหลังจากที่คุณรัตติการ

ซึ่งมีธุรกิจร้านอาหารอยู่ก่อนแล้ว มองเห็นว่าเฉาก๊วยเป็นขนมหวานที่ตนเองนิยมรับประทานมาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันก็ยังหาทานอยู่เสมอๆ และเมื่อมองย้อนไปก็พบว่าตลาดเฉาก๊วยนั้นไม่เคยจางหายไปไหนตรงกันข้ามคือสามารถเติบโตคู่กับสังคมยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี

แสดงให้เห็นถึงความนิยมในตัวสินค้าซึ่งอยู่ในความรู้สึกของคนไทยทุกคน ดังนั้นหากจะดีกว่าถ้าเอาเฉาก๊วยนี้มาเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัยใหม่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการลงทุนที่นอกจากจะทำกำไรให้ตัวเองได้ดียังมีโอกาสเป็นต้นแบบให้คนอื่นได้นำไปทำเป็นธุรกิจสร้างรายได้เพิ่มให้กับครอบครัวอีกด้วย

ร้านต้นแบบเฉาก๊วยลาวาแห่งแรกจึงได้เกิดขึ้นพร้อมกับการพัฒนาสินค้าอย่างเฉาก๊วยให้กลายเป็นสมูทตี้ ซึ่งสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจนั้นได้มุ่งเน้นให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่มีคุณภาพอย่างสูงสุดจากวัตถุดิบที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีและสูตรการทำที่เข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้นกับ 5 รสชาติน่าสนใจ คือกาแฟ โกโก้ ชาเขียว ชาไทยและสูตรดั้งเดิม จึงเป็นการเริ่มต้นที่ครองใจผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและมีคนสนใจขอซื้อไปทำเป็นธุรกิจแฟรนไชส์กันเป็นจำนวนมาก

จุดเด่นสำคัญคือสูตรการปั่นและทำคาราเมล ลดต้นทุนได้ดี!

h23

และหากว่าใครเคยได้ลิ้มรสเฉาก๊วยลาวาสักครั้งจะต้องรู้สึกได้เหมือนกันว่านี่คือสินค้าที่แตกต่างจากเฉาก๊วยที่เราเคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง โดยเจ้าของแฟรนไชส์เฉาก๊วยลาว่า กล่าวว่าสิ่งที่ให้ความสำคัญกับทุกแฟรนไชส์คือเคล็ดลับในการปั่นที่ต้องให้ได้รสชาติที่เข้มข้นจึงมีสัดส่วนของการใส่วัตถุดิบซึ่งเป็นเทคนิคสำคัญผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์จะได้เรียนสูตรเด็ดเคล็ดลับนี้

โดยเฉาก๊วยแบบสมูทตี้นั้นจะคงความเหนียวหนึบ แต่อร่อยชื่นใจ ผสานกับรสชาติแบบใหม่ๆก็ทำให้ผู้บริโภคติดใจกันมาก และอีกหนึ่งเคล็ดลับความสำเร็จ คือการทำคาราเมลเองที่เท่ากับเป็นการลดต้นทุนได้อย่างดี

โดยการซื้อน้ำตาล 1 ลัง ราคา 320 บาทจะสามารถทำคาราเมลได้ประมาณ 12 ขวด จำหน่ายได้ประมาณ 1,200 บาทเท่ากับว่ามีกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 700 บาท ซึ่งวิธีการทำคาราเมลเพื่อลดต้นทุนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ในการขายแฟรนไชส์ที่ผู้สนใจลงทุนทุกคนจะได้เรียนรู้สูตรการลดต้นทุนเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจเฉาก๊วยลาวาของตัวเองได้อย่างเต็มรูปแบบ

เริ่มต้นธุรกิจไม่ยาก! กำไรคุ้มค่าการลงทุน

h24

ปัจจุบันแฟรนไชส์เฉาก๊วยลาวามีสาขา 39 แห่ง การเริ่มต้นลงทุนในธุรกิจนี้เริ่มต้นเพียง 35,000 บาทกับสิ่งที่ได้รับนั้นสุดแสนจะคุ้มค่าโดยเฉพาะวัตถุดิบเพิ่มเติมคือเฉาก๊วย 10 กิโลกรัมและคาราเมลอีก 10 ลิตร เป็นส่วนที่เพิ่มให้และสามารถนำไปจำหน่ายมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 3,000-4,000 บาท

นอกเหนือจากนี้ก็คืออุปกรณ์การขายแบบครบวงจรและสูตรการทำอันเป็นเอกลักษณ์ของเฉาก๊วยลาวาที่ทำให้ผู้ลงทุนมีกำไรต่อแก้วขั้นต่ำประมาณ 13 บาท หากอยู่ในที่ดีอย่างแหล่งชุมชน สถานที่ท่องเที่ยว บริเวณใกล้เคียงห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด กำไร เฉลี่ยหักต้นทุนค่าน้ำแข็งแล้วมีกำไรประมาณ 2,500 บาท

ถือว่ามากกว่าค่าแรงขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 4-5 เท่าอีกทั้งรูปแบบของร้านยังมีความได้เปรียบตรงที่สามารถเคลื่อนย้ายทำเลได้สะดวก ไม่จำเป็นต้องขายอยู่กับที่สามารถเคลื่อนเข้าหากลุ่มลูกค้าทั่วไปได้เป็นอย่างดีเท่ากับเสริมประสิทธิภาพในการค้าขายที่จะกลายเป็นธุรกิจทำกำไรได้อย่างงดงามมากยิ่งขึ้น

อนาคตตั้งเป้าเติบโตกว่า 100 สาขาพร้อมเพิ่มเมนูน่าสนใจ

h25

ด้วยการทำธุรกิจนี้ในระยะเวลาเพียง 1 ปีแต่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้เป็นจำนวนมากและมีผู้สนใจร่วมลงทุนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นการเริ่มต้นที่มาได้อย่างถูกต้อง กับวิธีทำการตลาดแบบเน้นกลุ่มเป้าหมายและสามารถพัฒนาสินค้าให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี ถึง ณ ตอนนี้มีผู้สนใจจากต่างจังหวัดที่ต้องการลงทุนในแฟรนไชส์นี้ซึ่งก็เริ่มมีการจัดส่งอุปกรณ์การขายและวัตถุดิบไปสู่ต่างจังหวัดมากขึ้นโดยตั้งเป้าความสำเร็จในปีนี้กับการขยายสาขาให้ครบ 100 แห่งภายในสิ้นปีซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไป

พร้อมกับมีแผนการณ์เพิ่มความน่าสนใจการลงทุนด้วยการเพิ่มเมนูการขายที่ทำให้ผู้บริโภคได้มีทางเลือกมากขึ้น ถือเป็นพัฒนาการแห่งการลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ที่เติบโตอย่างสดใสและงานนี้ถ้าใครได้ลองลิ้มชิมรสเฉาก๊วยลาวาสักครั้งจะเข้าใจได้อย่างดีว่ารสชาติที่หวานหอม ชื่นใจมาพร้อมกับรูปร่างหน้าตาสินค้าที่ไม่บอกแทบไม่รู้ว่านี่คือเฉาก๊วยแบบไทยๆที่เราเคยกินกันมาก่อน ในอนาคตก็คาดว่ารูปแบบสินค้าจะต้องมีพัฒนาการที่ดียิ่งขึ้นนั่นก็หมายความว่าเป็นโอกาสของผู้ลงทุนที่จะสามารถทำกำไรจากธุรกิจนี้ได้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

h29

และคุณรัตติการ ได้ฝากข้อคิดมาถึงทุกท่านที่กำลังมองหาช่องทางการลงทุนหรือสำหรับคนที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทำอาชีพใด แฟรนไชส์เฉาก๊วยลาวาที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างขอเพียงผู้ลงทุนพร้อมทุ่มเทให้กับการทำงาน รายได้จากธุรกิจนี้สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างสบายๆและถ้ามีวิธีบริหารจัดการร้านที่เป็นแบบแผนก็มีโอกาสที่จะขยายร้านของตัวเองได้มากขึ้นอันจะเป็นการสร้างเครือข่ายด้วยธุรกิจการขายเฉาก๊วยที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่ง

สนใจลงทุนแฟรนไชส์ ติดต่อ

  • คุณ รัตติการ จันทา (น้ำผึ้ง) โทร.085-2113410 , 062-3310395 (จ่าหม่อง)
  • ที่อยู่ : 89/194 หมู่ที่ 4 ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 12110

คลิกดูข้อมูลแฟรนไชส์ ได้ที่ goo.gl/YwLy1p

 

อ้างอิงจาก https://bit.ly/2Jk5c2a

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด