จากเด็กเฝ้าร้านรองเท้า! กลายเป็นเศรษฐี 1,000 ล้าน

ถ้ามีใครสักคนบอกว่าจะรวยด้วย “รองเท้าแตะ” คนส่วนใหญ่ต้องคิดว่านี่มันเรื่องตลก ทำให้เป็นจริงไม่ได้ แต่ในความเป็นจริง “ทำได้” เพราะข้อมูลที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้คือไทยเป็นผู้ส่งออกรองเท้าแตะอันดับที่ 8 ของโลก มีมูลค่าการส่งออกรวมประมาณ 87 ล้านเหรียญสหรัฐ

แม้ในภาวะที่ต้องเจอวิกฤติโควิดแพร่ระบาดมูลค่าการตลาดอาจลงบ้างแต่ก็น้อยมากเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ และหนึ่งในแบรนด์ชื่อดังที่เรารู้จักกันดี คือ “แกมโบล” ที่ปัจจุบันคือ 1 ใน 3 ผู้นำที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงมาก แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้

www.ThaiSMEsCenter.com เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องง่าย และยิ่งถ้ารู้ว่าเจ้าของกิจการนี้เริ่มต้นชีวิตแบบยากจนไม่ได้มีต้นทุนชีวิตที่ดีนัก ก่อนที่จะมาเป็นนักธุรกิจรวยระดับพันล้าน ครั้งหนึ่งยังเคยเป็นแค่เด็กเฝ้าร้านรองเท้าในสำเพ็งด้วย

จน! เรียนจบแค่ป.4! แต่ใจสู้! สู่ธุรกิจ 1,000 ล้าน

กลายเป็นเศรษฐี

ภาพจาก https://bit.ly/3tJOkFo

ผู้ก่อตั้ง “แกมโบล” คือคุณสมพงษ์ กิจกำจาย เริ่มต้นชีวิตจากครอบครัวยากจน ด้วยความที่มีพี่น้องหลายคนขนาดซื้อข้าวมายังต้องแบ่งกันกิน สุดท้ายตัดสินใจเรียนแค่ ป.4 แล้วออกมาทำงาน เริ่มจากเป็นลูกจ้างร้านขายรองเท้าย่านสำเพ็ง

ในตอนนั้น รองเท้าที่ขายราคาเพียงคู่ละ 3 บาท จากเด็กเฝ้าร้านก็เริ่มต่อยอดการค้าขายด้วยการซื้อรองเท้าแล้วนำไปขายต่อ มีทั้งขายส่งและขายปลีก ในลักษณะ “รับมา-ขายไป” จนกระทั่งรู้สึกว่าการแข่งขันเริ่มสูงขึ้น ขายได้กำไรน้อยลง จึงคุยกันในครอบครัวว่าน่าจะหันมาทำแบรนด์รองเท้าเอง ประกอบกับความชำนาญในการทำธุรกิจรองเท้าที่สั่งสมมา จึงมองหาลู่ทางในการสร้างโรงงานผลิตรองเท้าขึ้นมาเป็นของตนเองในปีพ.ศ. 2532

เริ่มแรกใช้เงินทุนที่เก็บมาสร้างโรงงาน ซื้อเครื่องจักร 2 – 3 ตัว พร้อมที่ดินเล็กๆและเริ่มปั้นแบรนด์รองเท้าของตัวเองผลิตขาย ชื่อ “กิเลน” ในปี พ.ศ. 2512 ช้กลยุทธ์ทำน้อยๆ ซื้อวัตถุดิบด้วยเงินสด ไม่ทำอะไรเกินตัวพอผ่านไปได้ 5 ปี ก็เริ่มหาลู่ทางขยายกิจการ ลงทุนโรงงานเพิ่มจึงกู้เงินธนาคารมาลงทุน สั่งนำเข้าเครื่องจักรขนาดใหญ่จากอิตาลี เกาหลีเพิ่มขยายโรงงานจากพื้นที่ไม่ถึง 1 ไร่ ก็ขยายไปถึง 12 ไร่สั่งวัตถุดิบมาเก็บไว้จำนวนมาก แต่ด้วยความที่เก่งด้านการขาย แต่ไม่มีประสบการณ์ด้านการผลิตทำให้ไม่สามารถผลิตสินค้าตามออเดอร์ลูกค้าได้ทัน

8

ภาพจาก bit.ly/3sUqDel

เมื่อรายได้ไม่เข้าเป้า ในขณะที่ขยายโรงงานที่ใหญ่เกินตัว มาพร้อมกับหนี้สินจำนวนมากเงินทุนเริ่มน้อยลง จนกิจการเกือบล้มละลาย สุดท้ายในกลุ่มพี่น้องต้องมาปรึกษาหาทางออกมีการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่และเริ่มโฟกัสกับสิ่งที่ถนัดที่สุด ซึ่งก็คือการผลิตรองเท้าแตะ เมื่อธุรกิจฟื้นตัว ก็ได้เปลี่ยนชื่อแบรนด์ กิเลน มาเป็น กีโต้ ในปี พ.ศ. 2535 ส่วนแบรนด์ “แกมโบล” ถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2546 โดยคุณสุรชัย กิจกำจาย หนึ่งในพี่น้องตระกูลกิจกำจาย

ได้แยกตัวออกมาสร้างแบรนด์รองเท้าของตัวเอง คำว่า “แกมโบล” หมายถึง กระโดดโลดเต้น และการแยกแบรนด์ แกมโบล ออกมาอีกแบรนด์ ก็เพื่อให้เกิดการแข่งขันระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจ การตลาด และนวัตกรรม ถึงปัจจุบันนี้ “แกมโบล” และ “กีโต้” ประสบความสำเร็จสูงมาก รายได้รวมกันมากกว่าพันล้านบาท

1,500 ล้านบาทเป็นเป้าหมายรายได้ของ “แกมโบล” ในปี 2565

7

ภาพจาก https://bit.ly/3pQlG4h

ปัจจุบันแกมโบลโดยบริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัดมีกำลังการผลิตมากกว่า 60,000 คู่ต่อวัน ในปี 2562 มีสินทรัพย์รวม 1,050.30 ล้านบาท รายได้รวม 1,267.85 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 56.44 ล้านบาท และในปี 2564 ในปีที่ผ่านมาผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัทมีรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตสวนกระแสภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ จากการแพร่ระบาดของโควิด-19

6

ภาพจาก bit.ly/3sUh7be

ซึ่งเป็นการเติบโตทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศโดยในปี 2565 นี้ตั้งเป้าที่จะขยายการส่งออกให้เพิ่มขึ้นทั้ง 2 กลุ่ม ขณะเดียวกันในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะไปตั้งโรงงานที่กัมพูชาและตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยการส่งออกคิดเป็น 30% ของรายได้ซึ่ง 80% ของการส่งออกทั้งหมดจะเป็นแถบอาเซียน ส่วนที่เหลือคือตะวันออกกลาง

เคล็ดลับสู่ความสำเร็จของ “แกมโบล”

1.ใจสู้ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค

5

ภาพจาก bit.ly/3sUh7be

ความจนไม่ใช่ปัญหาของการเริ่มธุรกิจในวัยเด็กคุณสมพงษ์เริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 15 พี่น้องทุกคช่วยกันทำงาน ช่วงแรกไม่มีเงินทุน อาศัยความขยันเริ่มจากรรับจ้างเฝ้าร้านต่อมาขยับมาขายปลีก-ส่งด้วยการใช้จักรยานขายตามตลาดนัดและส่งร้านค้าเพื่อสะสมเงินทุนเริ่มต้นธุรกิจ

2.ประสบการณ์คือสิ่งสำคัญ

4

ภาพจาก bit.ly/3sUh7be

การคร่ำหวอดอยู่ในวงการมานาน ทำให้มองเห็นลู่ทางและความต้องการของลูกค้า รวมถึงการฝึกฝนด้านการขายจนชำนาญก็เป็นประโยชน์อย่างมากในการเริ่มสร้างธุรกิจ

3.มีโอกาสต้องกล้าเสี่ยง

12

ภาพจาก www.facebook.com/GambolThailand

เมื่อมีเงินทุนระดับหนึ่งกล้าเสี่ยงที่จะสร้างธุรกิจตัวเองแม้จะไม่มีประสบการณ์ในการผลิต แต่เก่งงานขาย เคยแม้จะเสี่ยงล้มละลาย มีหนี้สินรวมกว่า 200 ล้านบาท แต่ด้วยการบริหารจัดการและการปรับโครงสร้างที่ดีทำให้ล้างหนี้ได้ภายใน 2 ปี

4.ทำในสิ่งที่ถนัดคือธุรกิจที่ดีที่สุด

2

ภาพจาก www.facebook.com/GambolThailand

คนที่อยากมีธุรกิจของตัวเองต้องหาสิ่งที่ตัวเองถนัดและลงมือทำจริงจัง เหมือนอย่างที่คุณสมพงษ์พบว่าตัวเองถนัดเรื่องการผลิตรองเท้าแตะและมีความรู้เรื่องนี้ จึงได้โฟกัสสินค้าตัวเดียวเป็นพิเศษ ไม่ต้องลงทุนในสินค้าอื่น ซึ่งทำได้ดีและมียอดขายมากขึ้น

5.สร้างแบรนด์ให้เป็นที่ต้องการของลูกค้า

1

ภาพจาก www.facebook.com/GambolThailand

กลยุทธ์การตลาดที่แกมโบลใช้จะเน้นเรื่อง Emotional มากกว่า Functional เพราะผู้บริโภคในยุคนี้ เวลาซื้ออะไร จะซื้อด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผลคำนึงถึง ภาพลักษณ์, แบรนด์, ดีไซน์, พรีเซ็นเตอร์ ฯลฯ มากกว่าความคุ้มค่า หรือความทนทานจึงเป็นโจทย์สำคัญที่แกมโบลใช้สร้างแบรนด์ให้ดูทันสมัยในสายตาลูกค้า โดยเฉพาะวัยรุ่นสมัยใหม่

9

ภาพจาก www.facebook.com/GambolThailand

นับถึงตอนนี้แกมโบลได้กลายเป็นสินค้าที่อยู่ในความทรงจำของคนไทยทั่วประเทศ อันเป็นผลมาจากการสร้างแบรนด์ให้ลูกค้าจดจำ จากที่เคยมียอดขายไม่กี่ล้านบาทต่อเดือน ขยับมาเป็นหลายสิบล้านและหลักร้อยล้าน มีอัตราการเติบโตเป็นพันเปอร์เซ็นต์ สะท้อนให้เห็นการพัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นแบรนด์ไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในวงการธุรกิจรองเท้าระดับเอเชีย


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/335phDi
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3AKFOJy , https://bit.ly/34cymLt , https://bit.ly/3Mm6khS , https://bit.ly/3sHoItq , https://bit.ly/3vB5d7M

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3HYcn8W

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด