ขายอะไรกำไรต่อชิ้นเยอะ

วิธีง่ายๆที่จะ ขายของให้รวย คือ “ต้องมีกำไรเยอะๆ” แต่สิ่งที่ยากก็คือจะทำอย่างไรให้ได้ “กำไร” เคยถามพ่อค้าแม้ค้าบางคนว่าขายของแบบนี้มีกำไรไหม? ส่วนใหญ่ก็ตอบว่า “พอมีกำไรบ้างชิ้นละ 3 บาท 5 บาท พอได้กินได้ใช้ไปวันๆ” ก็เลยเป็นเรื่องชวนให้สงสัยว่า “ตกลงแล้วเราควรขายอะไรที่กำไรต่อชิ้นเยอะ”

ซึ่งแน่นอนว่า www.ThaiSMEsCenter.com เองก็ไม่ได้ฟันธงว่าสินค้าที่จะพูดถึงต่อไปนี้ “ดีที่สุด” “กำไรเยอะ” ที่สุด เพราะการจะพูดถึงกำไรต่อชิ้นก็ต้องดูปัจจัยโดยรวมที่เกี่ยวข้องซึ่งก็คือต้นทุนทั้งหลายไม่ว่าจะวัตถุดิบ , ค่าเช่าพื้นที่ ,ค่าน้ำค่าไฟ , ค่าใช้จ่ายจิปาถะ การคิดกำไรรวมในทุกเดือนต้องมีสิ่งเหล่านี้มาเกี่ยวข้อง แต่ถ้าสินค้าต่อชิ้นมีกำไรมาก โอกาสที่เราจะได้กำไรมากเมื่อถึงปลายเดือนก็มีมากเช่นกันด้วย  ลองมาดู

4 ปัจจัยที่สามารถทำให้เรา “อัพราคา” สินค้าให้ขายแพงได้

1. Packaging ต้องมีไอเดีย

ขายของให้รวย

ภาพจาก http://1ab.in/AXw

หน้าตาของ Packaging มีความสำคัญกับราคาสินค้ามาก ลองสังเกตุสินค้าใน 7-Eleven จะมีสินค้าที่ดูเหมือนธรรมดา อย่าง ลูกชิ้นหมูเสียบไม้ , ทุเรียนทอด , เฉาก๊วย แต่ที่ไม่ธรรมดาคือมาในแพคเกจจิ้งที่แหวกแนว ราคาก็อัพให้สูงขึ้นได้ แตกต่างจากสินค้าที่ขายแบบใส่ถุงธรรมดาที่ราคาด้อยกว่าอย่างชัดเจน

2. สินค้าต้องมีจุดเด่น มีเอกลักษณ์ของตัวเอง

36

ภาพจาก bit.ly/37rsBZ1

ถ้าต้องการขายสินค้าแต่ละชิ้นได้กำไรมาก ต้องพยายามสรรหาจุดเด่นและทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแตกต่าง และควรค่าที่เขาจะต้องเสียเงินซื้อ เช่น case มือถือพลาสติก เรียบๆ ไม่มีลาย มักจะขายได้ราคาถูก แต่ถ้าเป็นลายแปลกๆ หาซื้อได้ยาก ราคาบางทีอาจจะแพงกว่า case มือถือทั่วไปได้ถึง 5-10 เท่า

3. ทำให้สินค้าของเรากลายเป็นแบรนด์ฮิต

35

ภาพจาก bit.ly/3mpHuiD

สินค้าบางอย่างเหมือนๆกัน แต่พอติดแบรนด์ที่คนคุ้นเคยรู้จัก ราคาพุ่งสูงขึ้นทันที สินค้าเราก็เช่นกัน หากยังโนเนมไม่มีคนรู้จัก จะขายแพงก็คงยาก แต่ถ้าเราทำตลาดให้สินค้าเราเป็นแบรนด์ที่คนรู้จัก ใครๆ ก็อยากซื้อ ราคาต่อชิ้นก็เพิ่มสูงขึ้นได้

4. ขายสินค้าตามกระแส

34

ภาพจาก bit.ly/3msUSCS

ให้มองดูว่าความต้องการลูกค้าในช่วงเวลานั้นเป็นอะไร เช่น เฟอร์บี้ , ตุ๊กตาบลาย ในครั้งหนึ่งเคยเป็นกระแสฟีเว่อร์ ตรงนี้เราก็จะทำกำไรได้มาก แต่วิธีนี้ค่อนข้างเสียงเพราะสินค้าตามกระแสมาไวไปไว ถ้าลงทุนมากไปอาจจะขาดทุนได้

7 สินค้าน่าสนใจ! กำไรต่อชิ้นเยอะ

1. สินค้ามือสอง

33

ภาพจาก mama-shoes.business.site

คำว่าสินค้ามือสองก็ไม่ได้แย่เสมอไป สมัยก่อนคนอาจมองว่าเป็นสินค้าที่ใช้แล้ว จะไปซื้อมาทำไมให้เปลืองเงิน แต่ยุคนี้ความคิดเปลี่ยนไป พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมาก “รวยด้วยการขายสินค้ามือสอง” อย่างเจ้าของธุรกิจ Mama Shoes รองเท้ามือสอง ที่สร้างรายได้หลักล้าน กำไรรองเท้าต่อชิ้นไม่ต่ำกว่า 20-30% โดยไปซื้อสินค้าจากตลาดค้าส่งมาจำหน่ายตั้งแต่ชิ้นละ 60 บาทขึ้นไป กำไรถือว่าดีมาก

หรือจะเป็นพวกตุ๊กตามือ 2 อันนี้ก็น่าสนใจ ที่ข้อมูลระบุว่าพ่อค้าแม่ค้าบางราย ลงทุนตัวละไม่เกิน 10 บาท แต่เอามาขายได้ตัวละ 20 บาท มีกำไรกว่าเท่าตัว หรืองซื้อในราคาส่งแบบ 100 ตัวขายส่งในราคา 800 บาท สำหรับตุ๊กตาไซส์มินิ ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วจะมีราคาต้นทุนอยู่ที่ตัวละ 8 บาทเท่านั้น หากนำมาจำหน่ายในราคา 20 บาทต่อตัวจะได้กำไรตัวละ 12 บาท

2. สินค้าเฉพาะกลุ่ม

32

ภาพจาก bit.ly/3oZWK7D

คำว่าสินค้าเฉพาะกลุ่มคือสินค้าที่มีความต้องการในกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง เช่น ขายอะไหล่แต่งรถ , ขายอุปกรณ์ตกปลา , ขายไอเทมเกมส์ เป็นต้น สินค้าเหล่านี้คนซื้อจะมีใจรักในสินค้าเป็นพิเศษ และต้องการสิ่งที่ดีที่สุดมาเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง เช่น คนรักรถ ก็จะชอบแต่งรถ และจะหาสินค้าที่เกี่ยวรถ คนเล่นเกมส์ก็จะหาไอเทมเกมส์เจ๋งๆ มาเพิ่มความเทพให้กับตัวละครในเกมส์ของตัวเองเป็นต้น ดังนั้นเมื่อมีความชอบ ราคาส่วนใหญ่จึงไม่เกี่ยง

ยกตัวอย่าง ขายอุปกรณ์แต่งรถ กำไรสามารถบวกได้ 40-60% หรือไอเทมส์ในเกมส์บางทีกำไรกว่า 100% แต่สินค้าเหล่านี้ต้องเจาะกลุ่มให้ถูกต้อง และเราต้องมีความรู้สามารถพูดคุยกับคนที่ต้องการสินค้าได้ ให้คำแนะนำได้อย่างดี จะเพิ่มความน่าเชื่อถือได้มากขึ้นด้วย

3. ยาและเวชภัณฑ์

31

ภาพจาก freepik

หนึ่งในปัจจัย 4 คือยารักษาโรค และอะไรก็ตามที่เป็นปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์มักจะขายดีและมีความต้องการสินค้าสูงมาก ข้อมูลระบุว่าการเปิดร้านขายยามือใหม่ กำไรประมาณ 30-40% ที่สำคัญยุคนี้มีกฎหมายที่เข้มขึ้นความรู้เรื่องราคาของผู้ซื้อก็มีมากขึ้น

รวมถึงการแข่งขันการเปิดร้านยาที่สูงขึ้นมาก คนที่หวังกำไรโดยคิดว่าเปิดร้านยาเพียงแค่ไม่กี่เดือนนั้น ก็จะทำได้ยาก แต่การเปิดร้านขายยานั้นก็สามารถทำเงินและเป็นธุรกิจส่วนตัวที่สามารถเก็บกินได้นานแต่ต้องมีการบริหารจัดการร้านที่ดีด้วย

4. อสังหาริมทรัพย์

30

ภาพจาก freepik

ค่าตอบแทนของการเป็นนายหน้าไม่ว่าจะค้าขายที่ดิน หรือขายบ้าน ส่วนใหญ่รับกันจะอยู่ที่ 3% บางเคสสูงถึง 10% บางคนอาจจะคิดว่า ก็แค่ 3% จะมากอะไร แต่เมื่อนํามาคิดดูแล้ว ราคานายหน้าขายที่ดิน 3% ก็ถือว่าเยอะมาก

ยกตัวอย่างให้เห็น เช่น 3% ของ 100,000 บาทเท่ากับ 3,000 บาท แล้วถ้าขาย 1,000,000 บาท จะเพิ่มขึ้นเป็น 30,000 บาท และถ้าขาย 10 ล้าน จะได้ผลตอบแทนสูงถึง 300,000 บาท มากกว่าพนักงานกินเงินเดือน 30,000 บาท/เดือน ถึง 10 เท่า ซึ่งปัจจุบันมีคอร์สเรียนที่พร้อมสอนให้คนสนใจสามารถก้าวเข้ามาเป็นนายหน้าแบบมืออาชีพ แต่คนที่จะทำอาชีพนี้ก็ต้องมีไหวพริบ มีความรู้ และต้องรู้จักคนมาก รวมถึงต้องเป็นคนที่เข้าสังคมได้เก่งด้วย

5. งานฝีมือ/แฮนเมดด์

29

ภาพจาก facebook.com/ido4idea

ในบรรดาการขายที่กำไรต่อชิ้นเยอะและลงทุนน้อยที่สุดต้องยกให้งานฝีมือและแฮนเมดด์ ลองคิดดูว่าถ้าเรามีความสามารถด้านศิลปะ เช่นวาดภาพเก่ง ลงทุนแค่กระดาษ สี และอุปกรณ์พื้นฐานในการวาดภาพ ที่เหลือคือไอเดียและจินตนาการ ภาพ 1 ภาพที่เราวาดต้นทุนอาจไม่เกิน 20 บาท แต่สามารถขายได้ 200 -300 ขึ้นอยู่กับความพอใจของลูกค้า หรือให้เข้าใจง่ายอีกหน่อย ไปแถวถนนคนเดิน จะมีคนรับวาดภาพเหมือนภาพล้อเลียน ราคาต่อครั้ง 80-100 บาท ลงทุนแค่กระดาษ ดินสอ ยางลบ โต๊ะเล็กๆ 1 ชุด แค่นี้ก็สร้างรายได้ต่อชิ้นแบบกำไรเกินคุ้ม

หรือถ้ายังไม่ชัดเจนดูแฟรนไชส์ ไอดูโฟร์ไอเดีย ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและจำหน่วยเครื่องพิมพ์ภาพลงเคสมือถือ, เครื่องพิมพ์ภาพลงบนวัสดุ ให้เราสามารถทำงานไอเดียลงบนวัสดุต่างๆ และขายหน้าร้าน ขายออนไลน์ได้ตามต้องการ ลงทุนแค่วัสดุราคาไม่กี่บาท เช่นจานใบละ 5-10 บาท แต่เมื่อพิมพ์ภาพสวยงามลงไปขายได้ใบละ 100 บาท หรือเสื้อยืดธรรมดาตัวละ 30-40 บาท พิมพ์ลายสวยๆ ลงไปขายได้ตัวละ 150-200 บาท หรือวัสดุอื่นๆ ตามที่ต้องการ ราคาขายก็ขึ้นอยู่กับความสวยงามและไอเดียเป็นสำคัญ

6. สินค้าออนไลน์ (Dropship)

28

ภาพจาก www.franchiseonlinecenter.com

การขายของแบบ Dropship เรียกแบบง่าย ๆ ก็ เป็นตัวแทนจำหน่ายแบบไม่ต้องสต็อกสินค้า เราสามารถเอาสินค้าจากร้านต่าง ๆ ทั้งแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ไปโปรโมทขาย โดยจะได้กำไรจากการบวกราคาขายเพิ่ม หรือได้กำไรจากเปอร์เซ็นตามที่ตกลงกับแบรนด์หรือร้านค้าที่เราทำ Dropship ด้วย ความง่ายของดรอปชิปคือ เราแค่ “โปรโมทขายสินค้าให้ได้” ส่วนขั้นตอนของการ แพ็คของ ส่งของ เป็นของแบรนด์หรือร้านที่เราไปติดต่อไว้ เช่น ขายของจากแบรน์เขาขายในราคา 100 บาท เราอาจจะเอามาบวกราคาเพิ่มเป็น 120 บาท) ค่าส่ง 50 เราก็แจ้งลูกค้าว่า สินค้า 120 บาท + ค่าส่ง 50 บาท เวลาโอนให้แบรนด์หรือเจ้าของร้าน เราก็โอนไป 150 บาท ส่วนอีก 20 บาทนั้นก็เป็นกำไร

หรือจะง่ายกว่านั้นคือเลือกลงทุนแบบแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ เช่น แฟรนไชส์นายหน้าออนไลน์ ที่ลงทุนเพียง 9,900 บาท มีหน้าที่โปรโมทเว็บที่จัดให้ , ติดต่อพูดคุยกับลูกค้าผ่านช่องทางโซเชี่ยล สามารถหักค่าบริการไว้ 50% ได้ทันที โดยสินค้ามีทั้งการรับโปรโมทสินค้า , คอร์สเรียนออนไลน์ , สถาบันกวดวิชา เป็นต้น

7. เครื่องดื่มชานมไข่มุก

27

ภาพจาก facebook.com/coolbear.milktea

หนึ่งในสินค้ายอดฮิตคือเครื่องดื่มชานมไข่มุกที่เห็นว่าไปทางไหนก็เจอ ซึ่งหากลองดูการลงทุนในแบบแฟรนไชส์พบว่ามีหลายแบรนด์ที่คำนวณต้นทุนกำไรให้เห็นชัดเจน เช่น คูลแบร์ ค่าแฟรนไชส์ในการลงทุน 39,900 บาท สามารถเปิดร้านได้ทันที ราคาสินค้าเริ่มต้นแก้วละ 20 บาท ระยะเวลาคืนทุนไม่เกิน 2 เดือนกำไรสูงสุดถึง 23 บาท/แก้ว

26

ภาพจาก bit.ly/2O8bv8n

โนมิชา ลงทุนเริ่มต้น 59,999 บาท ได้รับอุปกรณ์ และวัตถุดิบพร้อมเปิดร้าน เช่น เครื่องซีลแก้ว , แก้ว 2,000 ใบ , อุปกรณ์ชงชากว่า 30 รายการ พร้อมสอนสูตรและวางระบบบริหารร้าน กำไรอยู่ที่ 40-60% ต่อแก้ว

25

ภาพจาก H.J. FRESH MILK

เอชเจ เฟรชมิลค์ ปังหยา-นมสด เงินลงทุนเริ่มต้น 18,900 บาท โดยแฟรนไชส์จัดเตรียมอุปกรณ์การเปิดร้าน + วัตถุดิบ + คู่มือการขาย พร้อมการฝึกอบรม โดยเครื่องดื่ม,ขนมปังปิ้ง,ขนมปังเย็นมีกำไรประมาณ 50% , ขนมปังสังขยา กำไรประมาณ 40%

24

ภาพจาก M-Milk

เอ็มมิลค์ นมสดแท้ 100% ลงทุนเริ่มต้น 19,000 บาท ราคาเครื่องดื่ม แบบเย็น แก้วละ 25 บาท ต้นทุนอยู่ที่ 8.50-16.00 บาท(ขึ้นอยู่กับประเภทเครื่องดื่ม) แฟรนไชส์ซีสามารถมีกำไรจากการลงทุนถึง 50% จากยอดขาย บางสาขาสร้างรายได้มากกว่าการทำงานประจำ

23

ภาพจาก facebook.com/MaruChaoffice

นอกจากนี้ยังมีแฟรนไชส์ชานมไข่มุกที่น่าสนใจ เช่น มารุชา , โมโม่ฉะ ชานมไข่มุกไต้หวัน ที่เชื่อได้เช่นกันว่ามีกำไรต่อแก้วมากพอสมควร ดูได้จากจำนวนสาขาที่มีหลายแห่งทั่วประเทศ ถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนน่าสนใจสำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าที่มีกำไรต่อชิ้นสูง

22

ภาพจาก facebook.com/momochafreshtea

การขายสินค้าให้มีกำไรมาก อาจเป็นเป้าหมายของพ่อค้าแม่ค้าทุกคน แต่ใช่ว่าเราจะคิดแต่หาโอกาสทำกำไรอย่างเดียว การขายที่ดีต้องรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา เอาใจลูกค้าอย่างถูกต้อง บางครั้งการขายอาจไม่ต้องหวังผลเรื่องกำไรในระยะสั้น หลายธุรกิจเป็นการลงทุนและหวังผลกำไรในระยะยาว ที่เชื่อว่าจะยั่งยืนมากกว่า อย่างธุรกิจที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก ก็สะสมชื่อเสียงของแบรนด์ คุณภาพของแบรนด์ไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งที่คนเริ่มรู้จัก เริ่มฮิตมากขึ้น เมื่อนั้นไม่ว่าเราจะออกสินค้าตัวไหนมาก็มีลูกค้าพร้อมให้การต้อนรับเสมอ


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

ขอบคุณข้อมูล
https://bit.ly/2KjYGcj , https://bit.ly/3871FNw , https://bit.ly/3nhvK3b , https://bit.ly/3gGrS9q , https://bit.ly/3mdvUal , https://bit.ly/2Kkdbg4

อ้างอิงจาก https://bit.ly/34yJ1wK

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด