“ขายน้ำสมุนไพร” วิธีสร้างอาชีพในยุค COVID

โชคดีของคนไทยคือมีพืชสมุนไพรจำนวนมาก มองไปรอบตัวเราเห็นขิงข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาว สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มีสรรพคุณทางยาในการป้องกันและช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น

กระแสของน้ำสมุนไพรในช่วงการแพร่ระบาดCOVID จึงถือเป็นอีกไอเดียในการสร้างอาชีพที่น่าสนใจและ www.ThaiSMEsCenter.com มองว่าเป็นอาชีพที่ใช้เงินลงทุนน้อยสัดส่วนกำไรต่อหน่วยสูง แถมยังเป็นสินค้าเพื่อสุขภาพที่เหมาะสมกับคนไทยในยุคนี้

โดยปัจจุบันน้ำสมุนไพรที่นิยมและรู้จักเป็นอย่างดีเช่น หล่อฮั้งก้วย , กระเจี๊ยบ , เก๊กฮวย , เสาวรส , จับเลี้ยง , ดอกคำฝอย , มะตูม , ใบบัวบก , อัญชัญมะนาว , น้ำตะไคร้ ซึ่งวิธีการทำหรือวิธีการลงทุนทำน้ำสมุนไพรขายไม่ใช่เรื่องยาก ทุกคนสามารถทำได้ ส่วนจะขายดีแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเราเป็นสำคัญด้วย

เริ่มต้นอยากลงทุนขายน้ำสมุนไพรต้องทำอย่างไร?

ขายน้ำสมุนไพร

ภาพจาก bit.ly/36HXqaC

1.หาสูตรน้ำสมุนไพร

โดยปัจจุบันเราสามารถหาสูตรและวิธีการทำจากในอินเทอร์เนตที่มีข้อมูลให้เราศึกษา ในช่วงแรกแนะนำว่าลองทำดื่มเองก่อนค่อยๆปรับสูตรให้อร่อยแล้วค่อยคิดเรื่องการตลาด

2.สร้างแบรนด์ของตัวเอง

สิ่งสำคัญของการจำหน่ายน้ำสมุนไพรคือเราต้องมีแบรนด์ของตัวเองเพื่อให้เป็นที่รู้จักของลูกค้า เพื่อจะได้จดจำได้ว่าซื้อยี่ห้อไหน เป็นการวางแผนในอนาคตหากขายดีจะได้มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องต่อไปได้

5

ภาพจาก bit.ly/3B5gTQN

3.กลยุทธ์ในการขาย

การขายน้ำสมุนไพรเราต้องเจอคู่แข่งจำนวนมาก โจทย์ที่เราต้องคิดคือทำอย่างไรให้สินค้าเราเข้าถึงลูกค้าได้มากที่สุด เราต้องมีไอเดียในการทำตลาดทุกช่องทางตั้งแต่ขายหน้าร้าน แจกฟรี หรือทำตลาดในช่องทางออนไลน์ต่างๆ

4.ต่อยอดสินค้าให้น่าสนใจมากขึ้น

โดยปกติสูตรน้ำสมุนไพรจะไม่แตกต่างกันเท่าไหร่แต่หากต้องการให้ลูกค้าสนใจและขายดีขึ้นควรมีการดัดแปลงสูตรน้ำสมุนไพรให้น่าสนใจ เช่นน้ำสมุนไพร 3 เกลอ , น้ำสมุนไพรสมูทตี้ ,น้ำอัญชัญ+มะนาว+ใบเตย เป็นต้น

4

ภาพจาก bit.ly/3B5gWMt

5.หาร้านสำหรับกระจายสินค้ามากขึ้น

นอกจากการขายหน้าร้าน ขายออนไลน์ เราควรหาร้านที่เราจะฝากขายเพื่อกระจายสินค้าให้มากขึ้น โดยอาจติดต่อกับร้านค้าชุมชน, ร้านอาหาร , ร้านค้าในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ตกลงรายละเอียดในการฝากขายสินค้า เพื่อให้เรามีช่องทางในการขายได้มากขึ้น

ตัวอย่างวิธีการทำน้ำสมุนไพรอย่างง่าย ในที่นี้เราลองยกตัวอย่างมา 2 ชนิดคือน้ำมะตูม และ น้ำกระเจี๊ยบ

1.น้ำมะตูม

3

ภาพจาก bit.ly/3xNAtPa

ส่วนผสม

น้ำสะอาดดื่มได้ 2 ลิตร , มะตูมแห้ง 10 ชิ้น , น้ำตาลทรายแดง 100 กรัม

วิธีทำ

  1. นำมะตูมแห้งไปย่างไฟก่อน หรือจะคั่วในกระทะจนมีกลิ่นหอมก็ได้ เพื่อเตรียมไว้ก่อน
  2. เทใส่น้ำสะอาดลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟให้ใช้ไฟปานกลาง จึงค่อยใส่มะตูมที่ย่างไฟลงไป ทำการต้มจนน้ำเดือดและน้ำเปลี่ยนสี หรือนานประมาณ 30 นาที
  3. จากนั้นใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป และทำการคนผสมจนน้ำตาลละลายจนหมด จึงค่อยชิมรส และปรุงตามที่ชอบ
  4. ยกหม้อลงจากเตา กรองเอากากออก พักทิ้งไว้จนเย็น แล้วค่อยทำการบรรจุใส่ขวด พร้อมดื่ม

2.น้ำกระเจี๊ยบ

2

ภาพจาก bit.ly/3eqIjXl

ส่วนผสม

ดอกกระเจี๊ยบแดงแห้งจำนวน 2 กำมือ ,พุทราจีนจำนวน 2 กำมือ ,น้ำสะอาด 3 ลิตร ,เกลือป่นปริมาณ 2 ช้อนชา , น้ำตาลทรายจำนวน 1 ถ้วย

วิธีทำ

  1. ล้างดอกกระเจี๊ยบแดงแห้งและพุทราจีนในน้ำสะอาดก่อน ให้เอาเศษฝุ่นออก อย่าแช่น้ำนานเพราะจะทำให้เสียรสชาติและคุณค่าทางอาหารได้
  2. ต้มน้ำจนเดือด แล้วใส่กระเจี๊ยบและพุทราจีนลงไปต้ม ทำการเคี่ยวจนน้ำเริ่มเปลี่ยนสี ให้เติมเกลือป่น และน้ำตาลทรายลงไป คนผสมให้ละลาย ยกลงและกรองเอากากออก รอจนอุ่นหรือเย็นก่อน ค่อยบรรจุใส่ขวด พร้อมดื่ม

โดยสรรพคุณของน้ำสมุนไพรแต่ละชนิดจะแตกต่างกันไปเช่น น้ำใบเตยช่วยบำรุงหัวใจและลดอัตราการเต้นของหัวใจ , รักษาโรคเบาหวาน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ,ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด

น้ำมะตูมมีสรรพคุณช่วยทำให้เจริญอาหารแก่ผู้ที่เป็นโรคเบื่ออาหาร และช่วยขับลมได้ และใช้เป็นยาลดและละลายเสมหะได้ และยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น หรือน้ำใบบัวบกที่ขึ้นชื่อในด้านแก้อาการช้ำในได้อย่างยอดเยี่ยม และยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งได้ด้วย

คำนวณต้นทุน-กำไร น้ำสมุนไพร กำไรดีแค่ไหน?

1

ภาพจาก bit.ly/3wHUt4v

เราขอคำนวณต้นทุนโดยยกตัวอย่างของน้ำมะตูมที่มีวัตถุดิบสำคัญคือ มะตูมแห้ง น้ำ และน้ำตาล โดยมะตูมแห้งราคาประมาณ 50 บาท (500 กรัม) น้ำตาลทรายกิโลกรัมละประมาณ 23 บาท ขวด 290 บาท (150 ใบ) บวกต้นทุนอื่นๆโดยรวมเช่นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊ส และจิปาถะ ต้นทุนเบ็ดเสร็จประมาณ 115 บาท ทำน้ำมะตูมได้ 16 ขวด เฉลี่ยต้นทุนขวดละ 7.20 บาท ถ้าตั้งราคาขายขวดละ 20 บาท มีส่วนต่างกำไรประมาณ 12.80 บาท เป็นไปตามสัดส่วนของต้นทุนที่ควรอยู่ 30-35% ของราคาขาย จึงถือได้ว่ากำไรดีมาก โดยขึ้นอยู่กับคุณภาพสินค้า การตลาด และทำเลในการขายเป็นสำคัญด้วย

มีหลายคนที่หันมาเอาดีในการทำน้ำสมุนไพรขาย เช่นบางคนทำน้ำเก๊กฮวย ปริมาณ 5 ลิตร ทำได้ 20 ขวดขายขวดละ 20 บาท มีต้นทุนเพียง 90 บาท แต่ขายได้กำไรถึง 400 บาท ถือว่ากำไรหลายเท่าตัว หรือบางคนทำน้ำสมุนไพรขายหลายชนิดและมีทำเลในการขายที่ดี มีการกระจายสินค้าไปยังร้านค้าต่าง ๆก็สามารถสร้างกำไรเฉลี่ยต่อวันได้วันละ 1,000 -2,000 บาทได้ทีเดียว

ทั้งนี้สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้จักการทำตลาด รักษาคุณภาพสินค้าและต่อยอดสินค้าให้ดียิ่งขึ้น จากที่เราเริ่มเป็นธุรกิจเล็กๆ แบบอุตสาหกรรมในครอบครัวอาจต่อขยายกลายเป็นธุรกิจใหญ่ที่เริ่มมีเครื่องจักรในการผลิตและขยายกิจการได้มากขึ้น ซึ่งน้ำสมุนไพรยังเป็นสินค้าตอบโจทย์ที่ขายง่าย ขายดี และยังขายได้ทุกยุคสมัย


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3egjCg9 , https://bit.ly/3AT4YVU , https://bit.ly/36O2udT

อ้างอิงจาก https://bit.ly/36LDB2c

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด