กลยุทธ์เปิดร้าน “หาทำเลขาย” แบบ 7-Eleven
พูดถึง 7-Eleven เราทุกคนรู้กันเป็นอย่างดีว่าเป็นธุรกิจค้าปลีกอันดับหนึ่งของประเทศ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาธุรกิจร้าน 7-Eleven มีรายได้รวม 74,304 ล้านบาท ยอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวันอยู่ที่ 69,068 บาท ยอดซื้อต่อบิล 75 บาท ขณะที่จำนวนลูกค้าต่อสาขาเฉลี่ย 917 คนต่อ
ซึ่งในปี 2564 ทางซีพีออลน์ มีแผนจะขยาย 7-Eleven ให้ครบ 13,000 สาขา ถึงตอนนี้ขยายสาขาไปแล้วรวมกว่า 12,225 สาขา เมื่อดูตามตัวเลขนี้จะพบว่า 7-Eleven มีอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดดมาก
สิ่งที่ www.ThaiSMEsCenter.com สนใจยิ่งกว่าคือ 7-Eleven ใช้หลักการแบบไหนอย่างไรในการ “เลือกทำเล” เพราะเราเชื่อว่าหากนำเอาทฤษฏีการเลือกทำเลของ 7-Eleven มาปรับใช้กับการค้าขายของเราน่าจะเป็นสุดยอดวิธีที่ทำให้เราขายดีได้มากขึ้น
ซึ่งแนวคิดพื้นฐานของ 7-Eleven คือเป็น Convenient Store คือ ซื้อตามสะดวก เน้นของจำเป็นที่สามารถหาซื้อได้ทันที เมื่อขาด หรือในกรณีอาหารก็จะเน้นประเภทซื้อแล้วสามารถทานได้เลย ร่วมด้วยบริการต่างๆ ที่ครบวงจรในร้านเดียว แต่ทั้งนี้ต่อให้แนวคิดดีแค่ไหน สินค้าดีอย่างไร หากไม่ได้อยู่ในทำเลที่ดีก็คงไม่มีความหมาย ลองมาดูเทคนิคการหาทำเลในสไตล์ของ 7-Eleven ว่าเข้าใช้กลยุทธ์อะไรบ้าง
1.ทฤษฎีสามเหลี่ยม
ภาพจาก www.facebook.com/7ElevenThailand/
7-Eleven ให้ความสำคัญกับ 3 สิ่งคือ บ้าน โรงเรียน ที่ทำงาน เป็นทฤษฏีสามเหลี่ยม ที่ 7-Eleven จะเน้นเปิดกิจการในเส้นทางเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นจากบ้านไปที่ทำงานหรือจากบ้านไปโรงเรียน ดังเราจะเห็นว่าที่ไหนมีหมู่บ้านที่นั่นต้องมี 7-Eleven เพราะนี่คือหลักพื้นฐานในการหาทำเลด้วยเชื่อว่าคนก่อนจะเข้าบ้านต้องหาซื้อของกินของใช้ และจะไม่รีบร้อนมากนักเพราะอยู่ใกล้บ้านแล้ว ทำให้มีเวลาเลือกซื้อของมากขึ้นด้วย
2.ทฤษฏีปากรวย
ภาพจาก www.facebook.com/7ElevenThailand/
ถ้ายังไม่รู้จะหาทำเลอย่างไรเอาทฤษฏีปากรวยนี้ไปใช้ สังเกตให้ดีว่าอีกหนึ่งทำเล 7-Eleven นิยมมากๆ คือบริเวณปากทางเข้าหมู่บ้าน ปากซอยต่างๆ คำถามคือทำไมต้องปากซอย กลางซอยไม่ดีกว่าหรืออย่างไร คำตอบคือ ปากซอยคือจุดที่ทุกคนต้องผ่านไม่ว่าจะมาจากทางไหนก็ต้องเริ่มจากปากซอย ถ้าตั้งร้านกลางซอยคนที่อยู่บ้านต้นซอยก็จะไม่สนใจร้านค้า แต่ทั้งนี้ใช่ว่า 7-Eleven จะเลือกทุกปากซอยเป็นทำเลทอง ต้องพิจารณาก่อนว่าจำนวนประชากรในย่านนั้นมีมากน้อยแค่ไหน มีกำลังซื้อมากน้อยอย่างไร และควรลงสินค้าแบบไหนให้เหมาะสมกับกลุ่มคนซื้อในพื้นที่
3.ทฤษฏีแรงดึงดูด
ภาพจาก www.facebook.com/7ElevenThailand/
7-Eleven จะเจาะกลุ่มไปที่ศูนย์รวมที่มีคนเยอะๆ แม้ไม่ใช่เส้นทางจากบ้านไปโรงเรียนหรือที่ทำงาน หรือไม่ใช่ปากซอย แต่หากเป็นแหล่งรวมที่ดึงดูดผู้คนเข้ามายังพื้นที่ได้ 7-Eleven ก็พร้อมจะเข้าไปดำเนินกิจการ ด้วยเชื่อว่าการเข้ามาของผู้คนที่หลากหลายความต้องการที่มีย่อมหลากหลายดังนั้นสินค้าที่อยู่ในพื้นที่อาจยังไม่ตอบโจทย์ได้ทั้งหมด ซึ่ง 7-11 จะเป็นส่วนเติมเต็มให้ทุกคนหาสินค้าได้ง่าย กับบริการที่ไม่ยุ่งยาก
แน่นอนว่าทุกทฤษฏีอาจดูเป็นเรื่องที่พูดง่าย และทำเลเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็มักมีราคาแพง แต่ 7-Eleven มองที่ความคุ้มค่าดีกว่าเสี่ยงเลือกทำเลที่ราคาถูกกว่าแต่คนไม่นิยมผ่านซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งในการทำธุรกิจ หรือจะให้ดีถ้าเราไม่รู้ว่าจะเลือกทำเลแบบไหนอย่างไร ตอนนี้หลายคนนิยมใช้วิธีนี้คือ 7-Eleven เปิดที่ไหน เราก็ตามไปเปิดที่นั่น โดยอาศัยแรงดึงดูดจาก 7-Eleven ที่มีลูกค้าจำนวนมาก หากเราใช้พื้นที่ใกล้เคียงกันก็ย่อมมีลูกค้ามาหาเรามากขึ้นด้วยเช่นกัน
และแม้ว่าบางทีเราอาจต้องสู้ราคาค่าเช่าพื้นที่ซึ่งแพงมาก แต่หากคำนวณจุดคุ้มทุนคุ้มค่า บางทีก็น่าเสี่ยงที่จะลอง ซึ่งข้อมูลที่น่าสนใจจาก 7-Eleven อีกประการคือ 7-Eleven ไม่มีนโยบายซื้อที่ตั้งสาขาแต่จะใช้การเช่าระยะยาวประมาณ 10 ปี เพื่อกระจายความเสี่ยงเนื่องจากสภาพสังคมและเมืองมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเฉพาะความเจริญด้านคมนาคม การเช่าจึงไม่ผูกขาดและสามารถปรับเปลี่ยนทิศทางได้ง่ายกว่าและไม่ทำให้เม็ดเงินจมอยู่กับที่ใดที่หนึ่งด้วย
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3oGeZyj , https://bit.ly/3oMYaSl , https://bit.ly/3pPqyoA , https://bit.ly/3pKEwrx
อ้างอิงข้อมูล https://bit.ly/36VL2Em
